คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1661/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลเห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบพอฟังเป็นยุติได้ว่าคดีโจทก์ไม่เป็นความจริง ก็มีอำนาจงดสืบพยานต่อไปได้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้คืนที่ดินให้โจทก์โดยอ้างว่าเป็นที่ดินของโจทก์ เมื่อคดีโจทก์ฟังไม่ได้ว่าเป็นความจริง แม้จะมีกฎหมายว่าด้วยที่ดินคนต่างด้าวฯ ใช้อยู่และตัวจำเลยเป็นคนต่างด้าว ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลบังคับจำเลยคืนที่ดินให้โจทก์ได้

ย่อยาว

ได้ความว่า โจทก์ฟ้องขอไถ่คืนที่นามือเปล่าซึ่งประกันเงินกู้และให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ย จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ได้ขายนาดังกล่าวให้จำเลยครอบครองมา 17 ปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง และว่าไม่มีกฎหมายห้ามคนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน

ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ 4 ปาก เห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงสั่งงดสืบพยานจำเลย แล้ววินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่มั่นคงเชื่อไม่ได้ว่าได้มีการกู้เงินทำนาต่างดอกเบี้ย ให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าควรฟังพยานจำเลยก่อนนั้นเมื่อศาลเห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์สืบพอฟังเป็นยุติได้ว่า คดีโจทก์ไม่เป็นความจริง ศาลมีอำนาจเต็มที่ที่จะงดสืบพยานต่อไปได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 104 อนึ่งแม้ตัวจำเลยจะเป็นคนต่างด้าวมีกฎหมายว่าด้วยที่ดินอันเกี่ยวกับคนต่างด้าวใช้อยู่ประการใดก็ตาม ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลบังคับจำเลยคืนที่ดินให้โจทก์ได้

พิพากษายืน

Share