คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ – บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าลูกจ้างของจำเลยที่ 2ขับรถของจำเลยที่ 2 ในทางการที่จ้างโดยประมาทชนรถของโจทก์เสียหายจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็น นายจ้างก็ต้องร่วมรับผิด แม้จะฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถนั้นก็ตาม ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยที่ 2 รับผิดได้ หานอกฟ้องนอกประเด็นไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์แท็กซี่หมายเลขทะเบียน ก.ท.ท 8067จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารประจำทางสาย 9 หมายเลข 97 หมายเลขทะเบียน ก.ท.จ 1354 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2514 เวลา 5.45 นาฬิกา จำเลยที่ 1 ได้ขับรถโดยสารคันดังกล่าวไปตามถนนจักรพงษ์ จากสี่แยกบางลำภู มุ่งหน้าไปทางสนามหลวง เพื่อรับส่งคนโดยสารอันเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ขับรถด้วยความประมาท ปราศจากความระมัดระวัง โดยขับแซงรถยนต์แท็กซี่ของโจทก์ด้วยความเร็วไม่ดูความปลอดภัยให้ดีเสียก่อน เป็นเหตุให้รถที่จำเลยที่ 1 ขับเกี่ยวชนท้ายรถของโจทก์โดยแรง ได้รับความเสียหาย ต้องจ่ายค่าซ่อมไป 12,750 บาทและโจทก์ต้องเสียหายที่มิได้ให้เช่ารถคันดังกล่าวนับแต่วันรถถูกชน จนถึงวันซ่อมเสร็จเป็นเงิน 6,200 บาท รถถูกชนต้องเสื่อมราคาคิดเป็นเงิน1,550 บาท ขอให้พิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 20,500 บาท

จำเลยที่ 1 ให้การว่า เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ในหน้าที่พนักงานขับรถยนต์โดยสารประจำทาง แต่ตามวันเวลาที่โจทก์กล่าวหา จำเลยที่ 1 ป่วยอยู่ที่ต่างจังหวัด ไม่ได้ขับรถตามที่โจทก์ฟ้อง ผู้ว่าคดีศาลแขวงพระนครเหนือได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ต่อศาล ศาลแขวงพระนครเหนือได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์มิได้เสียหายดังฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างในหน้าที่พนักงานขับรถยนต์โดยสารประจำทางของจำเลยที่ 2 แต่ตามวันเวลาที่เกิดเหตุรถคันที่จำเลยที่ 1เป็นพนักงานขับ ไม่ได้ออกรับส่งคนโดยสารตามปกติ หากจอดซ่อมอยู่ในอู่ที่เก็บรถของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาในฟ้องสูงเกินความเป็นจริง หากจะซ่อมก็ไม่เกิน 1,000 บาท และค่าเช่าไม่เกินวันละ 40 บาท ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าเสียหาย 18,200 บาทแก่โจทก์ กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ 500 บาท แทนโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้ว ฟังว่า ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ขับรถของจำเลยที่ 2 ในทางการที่จ้างโดยประมาทชนรถโจทก์เสียหายในปัญหาว่า เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถของจำเลยที่ 2 ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องไว้แล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 2 รับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์นั้น เป็นการวินิจฉัยนอก-ฟ้องหรือไม่เห็นว่า นายจ้างต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น ดังนั้น ผู้ได้รับความเสียหายจึงอาจจะฟ้องนายจ้างหรือลูกจ้างคนใดก็ได้ เมื่อโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง จึงเป็นการบรรยายฟ้องถึงความรับผิดของจำเลยที่ 2ไว้ครบถ้วนแล้ว และข้อเท็จจริงฟังได้ว่าลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถของจำเลยที่ 2 ในทางการที่จ้างโดยประมาทชนรถของโจทก์ เป็นเหตุให้รถของโจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างจึงต้องร่วมรับผิด แม้ในทางพิจารณาจะฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถของจำเลยที่ 2 ก็ตาม ก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 2 พ้นความรับผิดไปได้

พิพากษายืน

Share