คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1516/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ได้ปกครองที่ร่วมกันมากับเจ้าของที่ดินนั้นไม่เรียกว่าเป็นการครอบครองในฐานเป็นเจ้าของโดยอิสสระ จะอ้างสิทธิปกครองโดยปรปักษ์ขึ้นใช้+ต่อเจ้าของที่ดินหาได้ไม่ ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง +(3) ค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ ในคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์แลเรียกค่าเสียหายขึ้นมาด้วยนั้น ถ้าคู่ความตกลงเรื่องค่าเสียหายกันเท่าไรในเวลาจำเลยอุทธรณ์ต้องถือเอาทุนทรัพย์จากค่าเสียหายที่ตกลงกันไว้ ไม่ใช่ถือตามค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องเรียก

ย่อยาว

คดีได้ความว่า ที่ดินแลดูรายพิพาทนี้อยู่ในเขตต์โฉนดของโจทก์ โจทก์จำเลยต่างใช้ดูรายพิพาทนี้ร่วมกันมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยจำเลยได้ปลูกร้านต้นไม้ ทำสพานน้ำแลใช้ดูเป็นทางเรือเข้าออก จำเลยอ้างว่าจำเลยได้ปกครองดูรายนี้มากว่า ๑๐ ปีแล้ว โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยแลเรียกค่าเสียหาย ๕๐๐ บาท
ก่อนพิจารณา โจทก์จำเลยตกลงเรื่องค่าเสียหายกันเป็นเงิน ๓๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลย แลให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๓๐ บาทตามที่ตกลงกันไว้
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง แต่ในข้อที่ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ ๒๕ บาทโดยถือว่าคดีมีทุนทรัพย์ ๑๐๐๐ บาทนั้น เห็นว่าโจทก์จำเลยตกลงเรื่องค่าเสียหายกัน ๓๐ บาท รวมราคาที่ดินกับค่าเสียหายเป็นทุนทรัพย์ ๕๓๐ บาท ต้องเรียกค่าขึ้นศาลตามตาราง ๑ ข้อ ๒ ตอนท้ายเป็นเงิน ๑๕ บาท จึงให้คืนค่าขึ้นศาลที่ศาลชั้นต้นเรียกเกินไป ๑๐ บาท
ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่เข้าลักษณะของการครอบครองโดยปรปักษ์ซึ่งจะก่อให้เกิดกรรมสิทธิ์ จำเลยไม่ได้ครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของโดยอิสสร เพราะโจทก์ยังใช้ดูนี้ร่วมกับจำเลย จำเลยจึงไม่มีสิทธิยกเอาการครอบครองโดยปรปักษ์มาต่อสู้กรรมสิทธิ์ของโจทก์ จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ส่วนในข้อการคิดจำนวนทุนทรัพย์คนบังคับคดียืนตามศาลอุทธรณ์

Share