คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1656/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่ผู้เสียหายเบิกความถึงวันที่ที่เกิดเหตุไม่ตรงกับในฟ้อง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจำวันเกิดเหตุไม่ได้แน่นอน แต่ตามคำของผู้เสียหายว่าได้แจ้งความในวันเกิดเหตุและพนักงานสอบสวนจดคำให้การในวันรุ่งขึ้น เมื่อปรากฏว่าในคำให้การชั้นสอบสวนผู้เสียหายให้การวันที่ที่เกิดเหตุตรงกับในฟ้อง ทั้งพยานโจทก์อีกผู้หนึ่งที่เบิกความว่าเกิดเหตุวันที่เท่าใดจำไม่ได้นั้น ก็ให้การไว้ในคำให้การชั้นสอบสวนถึงวันที่ที่เกิดเหตุตรงกับในฟ้อง เช่นนี้ถือว่าทางพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวันเกิดเหตุไม่ต่างกับฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2508 เวลากลางวันจำเลยได้ชิงทรัพย์ของนายอ่อนสาไปโดยทุจริต

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดให้จำคุก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว โจทก์ว่าเกิดเหตุวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2508แต่นายอ่อนสาผู้เสียหายเบิกความว่าเกิดเหตุวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2508 ซึ่งในปี 2508 เดือนกุมภาพันธ์มีเพียง 28 วัน จึงเห็นได้ชัดว่าในวันที่ผู้เสียหายมาเบิกความต่อศาล ผู้เสียหายจำวันเกิดเหตุไม่ได้แน่นอน โจทก์ส่งคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายเป็นพยานต่อศาลปรากฏว่าผู้เสียหายได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 10กุมภาพันธ์ 2508 ว่าเกิดเหตุวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2508 ส่วนนายบุญมาพยานก็เบิกความว่าเกิดเหตุวันที่เท่าใดจำไม่ได้ เดือน 4 ปีนี้ (2508) และโจทก์ส่งคำให้การชั้นสอบสวนของพยานต่อศาลปรากฏว่าพยานได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2508 ว่าเกิดเหตุวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2508 ตรงกับคำให้การของผู้เสียหายศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำของผู้เสียหายว่าได้แจ้งความต่อตำรวจในวันเกิดเหตุและพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนจดคำให้การในวันรุ่งขึ้น คดีจึงฟังได้ว่าเกิดเหตุวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2508 ดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ไม่มีทางที่จะฟังว่าเกิดเหตุในวันอื่น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ทางพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวันเกิดเหตุต่างกับฟ้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share