คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1655/2530

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ร่วม มีหน้าที่เก็บเงินจากลูกหนี้ของโจทก์ร่วมที่อยู่ต่างจังหวัดแล้วส่งมอบให้โจทก์ร่วมซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลบางรัก จำเลยรับเงินจากลูกหนี้ของโจทก์ร่วมในอีกท้องที่หนึ่งแล้วไม่ส่งมอบให้โจทก์ร่วม จึงเป็นการไม่แน่ว่าจำเลยทำการยักยอกทรัพย์ของโจทก์ร่วมในท้องที่ใด พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางรักจึงมีอำนาจสอบสวน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของบริษัทซีโนบริติช จำกัด ได้รับมอบหมายให้ติดตามหนี้สินและเก็บเงินจากลูกค้าของบริษัทที่อยู่ต่างจังหวัดได้เบียดบังเอาเงินที่เก็บได้จากลูกค้าจำนวน 6 ราย เป็นเงิน 355,834 บาทซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยไปโดยทุจริต เหตุเกิดที่แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรักกรุงเทพมหานคร ตำบลตลาดล่าง ตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร และที่ตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงครามเกี่ยวเนื่องกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 และคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
บริษัทซีโนบริติช จำกัด ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 จำคุก 1 เดือน กับให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์ 5,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางรักมีอำนาจสอบสวนหรือไม่ เห็นว่าโจทก์ร่วมเป็นเจ้าของเงินที่จำเลยรับมาโดยจำเลยจะต้องส่งมอบให้โจทก์ร่วมซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลบางรัก และจำเลยรับเงินจากลูกหนี้โจทก์ร่วมในอีกท้องที่หนึ่งจึงเป็นการไม่แน่ว่าจำเลยทำการยักยอกทรัพย์โจทก์ร่วมในท้องที่ใดพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางรักจึงมีอำนาจสอบสวน
พิพากษายืน.

Share