คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การพิสูจน์สัญชาติไทยนั้นกฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเป็นคนต่างด้าวจนกว่าผู้นั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองฯ มาตรา 57

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเกิดในราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2473 โดยเป็นบุตรของนายอำมาดาส จำปีและนางฮัดบัส กอร์ จำปี ซึ่งบิดาผู้ร้องอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2470 ส่วนมารดาผู้ร้องเดิมมีสัญชาติไทย เกิดที่จังหวัดน่านผู้ร้องได้อยู่ในราชอาณาจักรไทยตลอดมาจนกระทั่งเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2491 ได้สมรสกับนายอาวตาร์ ซิงห์และเปลี่ยนชื่อจากกีอัน กอร์หรือเกียน กอร์ เป็นซัดนามกอร์หลังจากนั้นสามีผู้ร้องได้พาผู้ร้องไปอยู่ที่ประเทศพม่า เพื่อประกอบการค้า ต่อมา พ.ศ. 2508 ประเทศพม่าได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสังคมนิยม ผู้ร้องกับสามีจึงหลบหนีไปประเทศอินเดีย จนกระทั่ง พ.ศ. 2528 ผู้ร้องจึงเดินทางกลับประเทศไทย และมาถึงกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2528ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมือง กรมตำรวจได้แจ้งว่าผู้ร้องเป็นคนต่างด้าว ให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ชั่วคราวและต้องออกไปภายใน 3 เดือน ผู้ร้องจึงขอพิสูจน์สัญชาติต่อทางราชการ ต่อมาวันที่ 29 พฤษภาคม 2529 ทางการได้ยกคำร้องของผู้ร้อง ผู้ร้องเป็นคนมีสัญชาติไทยตามกฎหมายไม่เคยสละสัญชาติไทยไม่เคยถูกรัฐมนตรีสั่งเพิกถอนสัญชาติไม่เคยรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และไม่เคยแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว ผู้ร้องมีสิทธิอยู่ในประเทศไทย การที่กรมตำรวจยกคำร้องของผู้ร้องดังกล่าวเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องผู้ร้องจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิทางศาลเพื่อขอพิสูจน์สัญชาติของผู้ร้อง ขอให้มีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นคนสัญชาติไทยและมีสิทธิอาศัยอยู่ในประเทศไทย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องมิใช่บุคคลเดียวกับเด็กหญิงกีอัน กอร์ ตามที่ปรากฎในสำเนาทะเบียนคนเกิดหากจะฟังว่าเป็นคนเดียวกันก็ปรากฎว่า เด็กหญิงกีอัน กอร์นั้นมีสัญชาติอังกฤษ เชื้อชาติซิกซ์ (อินเดีย) มิได้มีสัญชาติไทย ผู้ร้องมิใช่บุคคลมีสัญชาติไทย ผู้ร้องบรรลุนิติภาวะแล้วและได้ออกจากประเทศไทยไปอยู่ประเทศอินเดียอันเป็นประเทศสัญชาติของบิดาตั้งแต่ พ.ศ. 2508 จนถึง พ.ศ. 2528 รวมเป็นเวลา 20 ปี แล้วและตามหนังสือเดินทางก็ระบุว่าผู้ร้องได้สัญชาติของบิดาอันเป็นการฝักใฝ่อยู่ในสัญชาติของบิดาแล้วผู้ร้องจึงต้องถูกถอนสัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติพ.ศ. 2508 มาตรา 17
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่านางกีอัน กอร์ผู้ร้องเป็นคนสัญชาติไทยและมีสิทธิอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จึงเชื่อไม่ได้ว่า ผู้ร้องเป็นคนเดียวกันกับเด็กหญิงกีอัน กอร์ ตามทะเบียนคนเกิด เอกสารหมาย ร.1 และข้อเท็จจริงได้ความจากคำของผู้ร้องเองว่าอยู่ในประเทศไทยถึงอายุ 18 ปี จึงเดินทางไปประเทศพม่ากับสามีแต่ผู้ร้องก็ไม่มีหลักฐานการเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรมาแสดงและผู้ร้องเบิกความอีกว่าเมื่อประมาณ 4-5 ปี มาแล้วผู้ร้องเคยเดินทางกลับประเทศไทยแต่ก็ไม่ได้ขอพิสูจน์สัญชาติการขอพิสูจน์สัญชาติไทยนั้นกฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเป็นคนต่างด้าวจนกว่าผู้นั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสัญชาติไทยตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2522 มาตรา 57 ดังนั้นผู้ร้องจึงต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าตนมีสัญชาติไทย แต่พยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำสืบมา ตามที่ได้วินิจฉัยข้างต้นนั้น ศาลฎีกาไม่เชื่อว่าผู้ร้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

Share