คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651-1655/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำบรรยายคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนที่เคลือบคลุมและไม่เคลือบคลุม
ตามกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนพ.ศ. 2511 ข้อ 15 ระบุไว้เพียงว่า ให้เอากระดาษปิดทับช่องใส่บัตรเลือกตั้งโดยมีลายมือชื่อคณะกรรมการตรวจคะแนนกำกับไว้บนกระดาษนั้นด้วยมีได้ระบุว่าต้องปิดกระดาษรอบหีบบัตรเลือกตั้งระหว่างฝาหีบกับตัวหีบจดกันดังนั้น แม้จะไม่มีการปิดกระดาษรอบหีบบัตรเลือกตั้ง ก็ไม่ใช่เหตุที่จะอ้างเป็นข้อคัดค้านการเลือกตั้ง
ผู้ร้องคัดค้านการเลือกตั้งระบุในคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนและมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตจังหวัดซึ่งมีการเลือกตั้งเมื่อมีผู้คัดค้านว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ก็เป็นข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านจะต้องนำสืบ

ย่อยาว

คดีทั้ง ๕ สำนวนนี้ศาลสั่งพิจารณารวมกัน
ผู้ร้องทั้งห้ายื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๒ มีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ สำหรับจังหวัดศรีสะเกษมีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ๓๒ คนผู้ร้องสำนวนที่ ๑ ถึง ๔ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ร้องสำนวนที่ ๕ เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทางการประกาศผล มีผู้ได้รับเลือกตั้ง ๕ คน การเลือกตั้งได้มีการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายหลายประการ ทั้งด้านเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วย ตลอดจนทางด้านผู้สมัครรับเลือกตั้งกล่าวคือ
(๑) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เช่น นายอำเภอบางอำเภอใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย คุกคามขู่เข็ญประชาชนมิให้เลือกตั้งผู้ร้องให้เลือกตั้งเฉพาะผู้สมัครบางคน
(๒) กรรมการตรวจคะแนนไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ร้อง โดยนับคะแนนเลขดีของผู้ร้องให้เป็นเลขเสีย เช่น บัตรที่มีเลขไทยแต่อย่างเดียวของผู้ร้อง กรรมการนับให้เป็นบัตรเสียแต่ของผู้สมัครหมายเลขอื่นเป็นเลขคี่
(๓) คะแนนที่ทางราชการประกาศกับคะแนนตามบัญชีในแบบ ผท.๑๘ชุดที่อยู่ในหีบบัตรเลือกตั้งไม่ตรงกัน เพราะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงขึ้นภายหลังการนับคะแนนไม่ตรงต่อความจริง จึงทำให้ผลการรวมคะแนนของผู้ร้องผิดพลาด
(๔) การรวมคะแนนของผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษที่ศาลากลางจังหวัดล่าช้าโดยไม่มีเหตุสมควร มีการตัดทอนคะแนนของผู้สมัครต่าง ๆตลอดจนการรวมคะแนนสับสน ได้ผลที่ไม่ตรงต่อความจริง
(๕) ผู้ได้รับเลือกตั้งบางคนใช้บัตรเลือกตั้งปลอม โดยนำมาจากโรงพิมพ์ของทางราชการ บัตรที่ปรากฏอยู่ในหีบเลือกตั้งจึงมิใช่บัตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
(๖) ผู้ได้รับเลือกตั้งบางคนใช้วิธีหรือรับว่าจะให้ทรัพย์หรือผลประโยชน์อื่น ๆ จูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
(๗) ผู้ดำเนินการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้งบางหน่วย บางอำเภอยินยอมให้ผู้ซึ่งไม่มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนน ซึ่งเจ้าตัวไม่อยู่ ไปประกอบอาชีพต่างจังหวัด ก็ยังยินยอมให้บุคคลอื่นลงแทน และยินยอมให้มีการลงคะแนนหมุนเวียนซ้ำโดยบุคคลคนเดียวกัน เพื่อประโยชน์ของผู้สมัครบางคน แบบ ผท.๕ก็ทำขึ้นใหม่ ทำให้รายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งไม่ตรงกับความจริง
(๘) หีบเลือกตั้งของอำเภอขุนหาญทุกหน่วยเลือกตั้งไม่มีกระดาษปิดรอบหีบบัตร ระหว่างฝาหีบบัตรกับหีบบัตรจดกัน ซึ่งเป็นเหตุหนึ่งที่ผู้ทุจริตจะนำบัตรปลอมหรือบัตรดียัดใส่ข้างหีบเพิ่มเติมได้ เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งกระทรวงมหาดไทย
ขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนจังหวัดศรีสะเกษเป็นไปโดยมิชอบ และให้มีการเลือกตั้งใหม่
ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษและผู้ได้รับเลือกตั้ง ๔ คน ยื่นคำคัดค้านว่าการเลือกตั้งได้กระทำโดยชอบ คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม และนายสุจินต์เชาว์วิศิษฐ์ ผู้ได้รับเลือกตั้งคนหนึ่งคัดค้านด้วยว่า นายเกื้อ อุทัย ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านตามมาตรา ๖๒ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำร้องนอกจากข้อ (๓) เคลือบคลุม ตามคำร้องข้อ (๓) ได้ตรวจสอบคะแนนในแบบ ผท. ๑๗, ๑๘, ๑๙ กับคะแนนในแบบผท.๒๐ แล้ว เห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้ โดยไม่ต้องสืบพยาน แล้วทำความเห็นส่งมาศาลฎีกาว่า ควรยกคำร้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
คำร้องข้อ ๑ ผู้ร้องมิได้ระบุว่า นายอำเภอคนใดใช้อำนาจคุกคามขู่เข็ญผู้ใด ในหน่วยเลือกตั้งใด มิให้เลือกตั้งผู้ร้อง และให้เลือกตั้งผู้สมัครคนใดคำร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม
คำร้องข้อ ๒ ในตอนแรกของคำร้องได้อ้างอยู่แล้วว่า การเลือกตั้งได้มีการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายหลายประการ ทั้งด้านเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วย ตลอดจนด้านผู้สมัครรับเลือกตั้งและได้บรรยายการกระทำที่มิชอบประการหนึ่งไว้ในคำร้องข้อ ๒ โดยมีคำขอให้มีการเลือกตั้งใหม่ การกระทำโดยมิชอบก็คือ กรรมการตรวจคะแนนไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ร้อง โดยนับคะแนนเลขดีของผู้ร้องให้เป็นเลขเสีย แต่ของผู้สมัครหมายเลขอื่นเป็นเลขดี ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าได้มีการกระทำดังนี้ทุกหน่วยเลือกตั้ง จึงเป็นการยากที่จะให้ผู้ร้องยืนยันในคำร้องว่าบัตรดังกล่าวมีจำนวนเท่าใด จะรู้จำนวนได้ชัดแจ้งแน่นอนก็ต่อเมื่อได้มีการตรวจบัตรในหีบบัตรเลือกตั้ง คำร้องข้อนี้จึงถือได้ว่าไม่เคลือบคลุม
เมื่อปรากฏจากผลการตรวจบัตรเลือกตั้งสำหรับคะแนนของผู้ได้รับทุกคนและของผู้ร้องทุกคนในหีบบัตรเลือกตั้งทุกหน่วยเลือกตั้งที่ศาลชั้นต้นตรวจนับตามคำสั่งศาลฎีกา และผู้ร้องและผู้คัดค้านรับรองถูกต้องแล้วคะแนนของผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนทั้ง ๕ คนก็ยังมีคะแนนสูงกว่าคะแนนของผู้ร้อง ฉะนั้น ในเหตุตามคำร้องของผู้ร้องข้อ ๒ จึงยังไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่
คำร้องข้อ ๓ ผู้ร้องมิได้ระบุว่า คะแนนที่ทางราชการประกาศกับคะแนนตามบัญชีในแบบ ผท. ชุดที่อยู่ในหีบบัตรเลือกตั้งไม่ตรงกันเพราะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงขึ้นภายหลังนั้น มีหน่วยใดบ้างที่ไม่ตรงกัน ส่วนข้อความว่ามีการนับคะแนนไม่ตรงต่อความจริง จึงทำให้ผลการรวมคะแนนของผู้ร้องผิดพลาด ก็ไม่ได้บรรยายว่า เป็นผลการรวมคะแนนของหน่วยเลือกตั้งหน่วยใดที่ว่าผิดพลาดก็อาจผิดพลาดในทางที่ทำให้คะแนนของผู้ร้องมากขึ้นหรือน้อยลงก็ได้ คำร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม
คำร้องข้อ ๔ ผู้ร้องมิได้บรรยายว่า มีการตัดทอนคะแนนของผู้สมัครคนใด การรวมคะแนนสับสนอย่างใด ผิดถูกเป็นจำนวนเท่าใด ทำให้คะแนนของผู้สมัครคนใดได้คะแนนมากขึ้นหรือน้อยลงอย่างใด คำร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม
คำร้องข้อ ๕ ผู้ร้องมิได้บรรยายให้เข้าใจได้ว่ามีการใช้บัตรปลอมในหน่วยใดบ้างและผู้ได้รับเลือกตั้งคนใดเป็นผู้ใช้ คำร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม
คำร้องข้อ ๖ ผู้ร้องมิได้ยืนยันว่า ผู้ได้รับเลือกตั้งคนใดรับว่าจะให้ทรัพย์หรือผลประโยชน์แก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้ลงคะแนน คำร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม
คำร้องข้อ ๗ ผู้ร้องมิได้ยืนยันว่า ผู้ดำเนินการเลือกตั้งหน่วยใดอำเภอใดได้ปฏิบัติไปดังผู้ร้องบรรยายในคำร้อง การที่ผู้ร้องระบุเพียงว่า เป็นการปฏิบัติของผู้ดำเนินการเลือกตั้งบางหน่วย บางอำเภอ จึงไม่ชัดแจ้งเพียงพอที่จะให้เข้าใจได้ว่าเป็นหน่วยไหนอำเภอใด คำร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม
คำร้องข้อ ๘ กฎกระทรวงข้อ ๑๕ ออกตามความในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน พ.ศ. ๒๕๑๑ ระบุข้อความไว้เพียงว่าให้เอากระดาษปิดทับช่องใส่บัตรเลือกตั้งโดยมีลายมือชื่อคณะกรรมการตรวจคะแนนกำกับไว้บนกระดาษนั้นด้วยเท่านั้น มิได้ระบุว่าต้องปิดกระดาษรอบหีบระหว่างฝาหีบกับตัวหีบจดกัน คำร้องข้อนี้แม้จะเป็นความจริง ก็หาใช่เหตุที่จะอ้างเป็นข้อคัดค้านการเลือกตั้งไม่
สำหรับนายเกื้อ อุชัย ผู้ร้องได้ระบุในคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน และมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตจังหวัดศรีสะเกษ จะเป็นความจริงตามคำร้องหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านจะนำสืบ และเมื่อปรากฏต่อมาในชั้นที่ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาข้อนี้ ตามคำสั่งศาลฎีกาว่านายสุจินต์ผู้คัดค้านแถลงรับ และนายเกื้อผู้ร้องส่งหลักฐานการมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตจังหวัดศรีสะเกษ จึงฟังได้ว่า นายเกื้อ อุชัย มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง
ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องทุกสำนวน ให้ผู้ร้องแต่ละสำนวนเสียค่าฤชาธรรมเนียม โดยกำหนดค่าทนายความ ๑๕๐ บาทแทนผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษและผู้ถูกคัดค้านแต่ละสำนวน

Share