แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ถึงแม้ว่าจำเลยจะเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษในความผิดซึ่งเป็นเหตุร้ายมากกว่า 2 ครั้งแล้วก็ตาม ศาลก็มีอำนาจใช้ดุลยพินิจไม่ลงโทษกักกันแก่จำเลยก็ได้
ย่อยาว
จำเลยต้องหาว่าลักทรัพย์ ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว ๓ เรื่อง คือ ใน พ.ศ. ๒๔๗๖ ต้องหาว่าลักทรัพย์ ถูกจำคุก ๒ เดือน พ.ศ. ๒๔๘๐ ต้องหาว่าฉ้อโกงถูกจำคุก ๑ เดือน ๑๕ วัน และในปลายปีเดียวกันถูกจำคุกเรื่องฉ้อโกงอีก ๑ เดือน ๑๐ วัน โจทก์จึงขอให้เพิ่มโทษกักกันด้วย
ศาลฎีกาตัดสินว่าคดีทั้ง ๓ เรื่องที่จำเลยต้องโทษมาเป็นเรื่องเล็กน้อย ซึ่งแสดงว่าความจริงจำเลยไม่ใช่ผู้ร้ายสำคัญ และตาม ม.๘ แห่งพระราชบัญญัติกักกัน ฯลฯ ก็บัญญัติว่า “ศาลอาจถือว่าผู้นั้นเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย” จะเห็นว่ากฎหมายมีความประสงค์ให้ศาลใช้ดุลยพินิจตามรูปคดีเป็นเรื่องๆ ไป ไม่จำต้องเพิ่มโทษกักกันเสมอไป เห็นว่าฉะเพาะจำเลยนี้ยังไม่ควรเพิ่มโทษกักกัน จึงพิพากษาให้งดการลงโทษกักกันแก่จำเลยไว้