แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีก่อน (อาญาแดงที่ 100/2503) โจทก์ฟ้องจำเลยว่า เบิกความในคดีแพ่งแดงที่ 953/2502 เป็นเท็จว่า “โจทก์จำนองที่ดินไว้กับจำเลย โจทก์ไม่เคยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้จำเลยเลย” ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ว่าจำเลยเบิกความในคดีก่อน (อาญาแดงที่ 100/2503) ว่า “จำเลยไม่เคยเซ็นชื่อรับดอกเบี้ยจากโจทก์ และแสตมป์ในสัญญาจำเลยไม่ได้เป็นผู้ฆ่า” เป็นเท็จอีก ดังนี้เห็นได้ชัดว่า โจทก์นำคดีอาญาซึ่งศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้วในความผิดที่โจทก์หาว่าจำเลยเบิกความเท็จมาฟ้องอีก จึงเป็นฟ้องซ้ำ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จในคดีอาญาแดงที่ ๑๐๐/๒๕๐๓ ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ได้ ๑ ปาก แล้วเห็นว่าโจทก์ฟ้องซ้ำในประเด็นเดียวกับคดีอาญาแดงที่ ๑๐๐/๒๕๐๓ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะเป็นการฟ้องในประเด็นเรื่องใหม่
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องมาจากจำเลยเบิกความในคดีแพ่งแดงที่ ๙๕๓/๒๕๐๒ ว่า “โจทก์จำนองที่ดินไว้กับจำเลย โจทก์ไม่เคยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้จำเลยเลยฯ” คำเบิกความตอนนี้โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๐๐/๒๕๐๓ ว่าจำเลยเบิกความเท็จ ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว ในคดีอาญาแดงดังกล่าวนี้จำเลยได้เบิกความว่า “จำเลยไม่เคยเซ็นชื่อรับดอกเบี้ยจากโจทก์ และแสตมป์ในสัญญาจำเลยไม่ได้เป็นผู้ฆ่า” โจทก์จึงเอาคำเบิกความตอนนี้ของจำเลยในคดีอาญามาฟ้องหาว่าจำเลยเบิกความเท็จเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ เห็นว่าคำพิพากษาในคดีอาญาแดงที่ ๑๐๐/๒๕๐๓ นั้น ศาลได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้ว ในความผิดที่โจทก์หาว่าจำเลยเบิกความเท็จเกี่ยวกับบันทึกใบรับเงินหลังหนืงสือสัญญาจำนอง และลายมือจำเลย การที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ว่าจำเลยเบิกความเท็จว่า ไม่เคยเซ็นชื่อรับเงินดอกเบี้ย แสตมป์ในสัญญาจำเลยไม่ได้ขีดฆ่านั้น จึงเห็นได้ชัดว่าจำเลยได้นำคดีอาญาซึ่งศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้วในสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๐๐/๒๕๐๓ มาฟ้องอีก ฟ้องของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๔)
พิพากษายืน