แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินและบ้าน โดยอ้างว่าจำเลยหลอกลวงให้ลงลายมือชื่อในสัญญาโดยบอกว่าเป็นสัญญาจำนอง โจทก์ลงลายมือชื่อไปโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งนิติกรรม โจทก์มีสิทธินำสืบพยานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคสอง เพราะเป็นการนำสืบว่าสัญญาซื้อขายดังกล่าวไม่สมบูรณ์หรือเป็นโมฆะ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินและบ้านเลขที่ 35 ตามโฉนดเลขที่ 169 เดิมเป็นของบิดาโจทก์ บิดาโจทก์นำไปจำนองธนาคารเป็นเงิน 30,000 บาท เมื่อบิดาโจทก์ตายธนาคารเร่งรัดให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกไถ่จำนอง โจทก์จึงขอให้จำเลยออกเงินไถ่จำนองให้แล้วโจทก์จะนำไปจำนองไว้แก่จำเลยแทน จำเลยตกลงด้วย ครั้นถึงวันไปไถ่จำนองและทำสัญญาจำนองเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2520 จำเลยกับพวกหลอกลวงโจทก์ให้ลงลายมือชื่อโดยบอกว่าเป็นสัญญจำนอง โจทก์หลงเชื่อจึงลงลายมือชื่อ ต่อมาโจทก์จึงทราบว่าเป็นสัญญาที่โจทก์ขายที่ดินและบ้านให้จำเลยเป็นเงินเพียง 30,000 บาททั้ง ๆ ที่ที่ดินและบ้านพิพาทราคาไม่ต่ำกว่า 150,000 บาท จึงเป็นการที่โจทก์กระทำไปโดยสำคัญผิดในสารสำคัญแห่งนิติกรรมขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินและบ้านพิพาท ห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องอีกต่อไป
จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่เคยขอให้จำเลยช่วยออกเงินไถ่จำนองจากธนาคารเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2520 โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนขายที่ดินและบ้านให้จำเลยเพื่อเอาเงินแบ่งกันระหว่างทายาท จำเลยรับซื้อไว้ในราคา70,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่แพงมากในสมัยนั้น เหตุที่ลงจำนวนเงินในสัญญาซื้อขายเพียง 30,000 บาทเพื่อเลี่ยงค่าธรรมเนียม โจทก์ไม่ได้สำคัญผิดเพราะโจทก์อ่านหนังสือไทยได้ คดีโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีไม่จำเป็นต้องสืบพยาน ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธินำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารซึ่งมีข้อความระบุชัดแจ้งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้ายพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยจนสิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าโจทก์มีสิทธินำสืบได้ตามฟ้องหรือว่าการนำสืบดังกล่าวเป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารสัญญาซื้อขายตามมาตรา 94 วรรคท้ายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งตามที่จำเลยฎีกา เห็นว่าข้อกล่าวอ้างของโจทก์ตามฟ้อง เมื่อจำเลยปฏิเสธ โจทก์ย่อมนำสืบพยานประกอบข้ออ้างของตนได้เพราะมิได้นำสืบข้อความเพิ่มเติม ตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารสัญญาซื้อขายที่ดินและบ้านที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อกัน หากแต่เป็นการนำสืบว่าสัญญาซื้อขายดังกล่าวไม่สมบูรณ์หรือเป็นโมฆะทั้งฉบับ ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่ากฎหมายไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำสืบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคสองชอบแล้ว
พิพากษายืน