แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ข้อ 18, 19 และ 39 กำหนดให้การซื้อหรือการจ้างด้วยวิธีตกลงราคาซึ่งมีราคาไม่เกิน 100,000 บาท ให้เจ้าหน้าที่พัสดุติดต่อตกลงราคากับผู้ขายหรือผู้รับจ้างโดยตรงแล้วให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุจัดซื้อและจัดจ้างได้ภายในวงเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้าส่วนราชการ แต่หากกรณีจำเป็นและเร่งด่วนที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดหมายไว้ก่อนและไม่อาจดำเนินการตามปกติได้ทัน ให้เจ้าหน้าที่พัสดุหรือเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการนั้นดำเนินการไปก่อนได้แล้วรีบรายงานขอความเห็นชอบต่อหัวหน้าส่วนราชการ จำเลยที่ 1 ได้มีคำสั่งให้จำเลยที่ 3 ทำหน้าที่หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่นและแต่งตั้งให้จำเลยที่ 3 เป็นผู้มีสิทธิมารับสินค้าที่ได้สั่งซื้อหลายครั้งไปจากโจทก์ พฤติการณ์ดังกล่าวทำให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันควรเชื่อว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 อยู่ในขอบเขตอำนาจที่กระทำแทนจำเลยที่ 1 ส่วนระเบียบขั้นตอนการจัดจ้างหรือสั่งซื้อที่ระบุว่าจำเลยที่ 3 ละเลยไม่ปฏิบัตินั้นก็เป็นระเบียบภายในของจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่ได้ประกาศให้บุคคลภายนอกทราบ ดังนั้นแม้จำเลยที่ 3 จะทำการจัดซื้อสินค้าจากโจทก์แทนจำเลยที่ 1 โดยผิดระเบียบขั้นตอนและเพื่อประโยชน์ของตนโดยไม่สุจริต แต่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดระเบียบขั้นตอนของจำเลยที่ 3 จึงเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตและต้องได้รับความคุ้มครอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชำระเงินจำนวน 154,426 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 154,426 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 12 มิถุนายน 2555) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ด้วย ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลยที่ 1 โดยกำหนดค่าทนายความรวม 8,000 บาท และให้จำเลยที่ 3 ใช้ค่าทนายความชั้นศาลชั้นต้น 4,000 บาทแทนโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์นั้น เนื่องจากศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลยที่ 2 ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ คดีในส่วนของจำเลยที่ 2 จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยในส่วนนี้ และข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลมีฐานะเป็นกรม ศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่น สังกัดสำนักวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าวของจำเลยที่ 1 มีจำเลยที่ 2 ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่นตั้งแต่ปี 2551 ถึงปัจจุบัน เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 จำเลยที่ 1 มีคำสั่งตั้งจำเลยที่ 3เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงานทำหน้าที่หัวหน้าเจ้าพนักงานพัสดุ ศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่น จำเลยที่ 1 โดยศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่นติดต่อซื้อวัสดุอุปกรณ์สำนักงานจากโจทก์มาตั้งแต่ปี 2550 โดยมีหนังสือจากศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่นให้จำเลยที่ 3 เป็นผู้มีสิทธิมารับสินค้าจากโจทก์ และได้มีการมารับสินค้าไปจากโจทก์ตลอดมา เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์วันที่ 3, 5 และ 8 มีนาคม 2554 ตามลำดับ จำเลยที่ 3 สั่งซื้อวัสดุอุปกรณ์สำนักงานจากโจทก์และได้รับไปแล้วรวมค่าสินค้าเป็นเงิน 154,426 บาท ตามใบส่งสินค้า แต่ยังไม่ได้มีการชำระราคา โจทก์ทวงถามให้จำเลยที่ 1 ชำระ แต่จำเลยที่ 1 เพิกเฉย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชำระหนี้ค่าวัสดุอุปกรณ์สำนักงานที่จำเลยที่ 3 สั่งซื้อจากโจทก์ตามใบส่งสินค้า ด้วยหรือไม่ เห็นว่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ข้อ 18, 19 และ 39 กำหนดให้การซื้อหรือการจ้างด้วยวิธีตกลงราคาซึ่งมีราคาไม่เกิน 100,000 บาท ให้เจ้าหน้าที่พัสดุติดต่อตกลงราคากับผู้ขายหรือผู้รับจ้างโดยตรงแล้วให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุจัดซื้อและจัดจ้างได้ภายในวงเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้าส่วนราชการ แต่หากกรณีจำเป็นและเร่งด่วนที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดหมายไว้ก่อนและไม่อาจดำเนินการตามปกติได้ทันให้เจ้าหน้าที่พัสดุหรือเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการนั้นดำเนินการไปก่อนได้แล้วรีบรายงานขอความเห็นชอบต่อหัวหน้าส่วนราชการ โดยนายสัญญาซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการสอบหาข้อเท็จจริงการแอบอ้างชื่อหน่วยงานเพื่อจัดซื้อพัสดุส่วนตัวกรณีนี้เบิกความว่า การสั่งซื้อสินค้ากรณีนี้จำนวนเงินไม่เกิน 100,000 บาท อำนาจสั่งซื้ออยู่ที่เจ้าหน้าที่พัสดุ กับได้เบิกความตอบคำถามค้านของทนายโจทก์ด้วยว่า การสั่งซื้อสินค้าไม่ต้องมีใบเสนอราคา เมื่อพิจารณาประกอบกับที่จำเลยที่ 1 ได้มีคำสั่งให้จำเลยที่ 3 ทำหน้าที่หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 และก่อนเกิดเหตุคดีนี้จำเลยที่ 3 ได้สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์หลายครั้งนับแต่ปี 2550 เป็นต้นมาโดยมีหนังสือของศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่นแต่งตั้งให้จำเลยที่ 3 เป็นผู้มีสิทธิมารับสินค้าที่ได้สั่งซื้อไปจากโจทก์และยังมิได้มีการแจ้งยกเลิกหนังสือดังกล่าวด้วย ซึ่งกรณีก็เป็นไปโดยเรียบร้อย ไม่มีพิรุธและการโต้แย้งว่าขัดต่อระเบียบและขั้นตอนอย่างใด พฤติการณ์ดังกล่าวทำให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันควรเชื่อว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 อยู่ในขอบเขตอำนาจที่กระทำแทนจำเลยที่ 1 อีกทั้งจำเลยที่ 2 ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่นได้เบิกความว่า ระเบียบขั้นตอนการจัดจ้างหรือสั่งซื้อที่ระบุว่าจำเลยที่ 3 ละเลยไม่ปฏิบัติเป็นระเบียบภายในของจำเลยที่ 1 ไม่ได้ประกาศให้บุคคลภายนอกทราบ ดังนั้นแม้จำเลยที่ 3 จะทำการจัดซื้อสินค้าจากโจทก์แทนจำเลยที่ 1 ตามใบส่ง โดยผิดระเบียบขั้นตอนและเพื่อประโยชน์ของตนโดยไม่สุจริต แต่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่ปรากฏว่าได้รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดระเบียบขั้นตอนของจำเลยที่ 3 ด้วย จึงเป็นบุคคลผู้สุจริตและต้องได้รับความคุ้มครอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 3 ต่อโจทก์ด้วยค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4