คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสองสามีภริยาต้องคำพิพากษาให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แม้โจทก์จะร้องขอรับชำระหนี้ในคดีที่สามีถูกฟ้องล้มละลายแล้ว หากโจทก์ยังได้รับชำระไม่ครบ โจทก์ย่อมขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาเอาแก่ทรัพย์สินของภริยาได้ต่อไปจนครบถ้วน
ในกรณีสามีภริยาต้องรับผิดใช้หนี้ร่วมกัน กฎหมายบัญญัติให้ใช้จากสินบริคณห์และสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่าย
สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายสินบริคณห์ย่อมแยกจากกันโดยอำนาจกฎหมายนับแต่วันที่ศาลพิพากษาให้ล้มละลายนั้น เป็นหน้าที่ของอีกฝ่ายที่จะต้องขอกันส่วนของตนไว้

ย่อยาว

คดีนี้ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากันชำระค่าเสียหาย ๔๖,๐๒๐.๒๕ บาท พร้อมด้วยค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงนำยึดที่ดิน ๓ แปลง ซึ่งมีชื่อจำเลยที่ ๒ ในโฉนด เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้
ศาลขายทอดตลาดที่ดินแปลงแรกได้เงิน ๕๔,๕๐๐ บาท มีเจ้าหนี้จำเลยที่ ๑ ตามคำพิพากษาร้องขอเฉลี่ยหลายราย ต่อมาจำเลยที่ ๑ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ได้มีการโอนเงินและการยึดทรัพย์สินในคดีนี้ไปดำเนินการในคดีล้มละลาย
เฉพาะที่ดิน ๒ แปลงที่ยังไม่ได้ขาย จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องว่าเป็นสินส่วนตัวศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งว่าที่ดิน ๒ แปลงดังกล่าวเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ ๒
โจทก์แถลงว่า ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ ๑ผู้ล้มละลายเพียง ๒,๑๙๖.๘๖ บาท ยังไม่ได้รับชำระอีก ๔๘,๖๕๖.๓๙ บาทขอให้ขายทอดตลาดที่ดิน ๒ แปลงของจำเลยที่ ๒ ต่อไป เพราะเป็นหนี้ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยที่ ๒ ค้านว่า โจทก์ไม่มีสิทธิ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้จำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา โจทก์ยังไม่ได้รับชำระครบ โจทก์ชอบที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้จำเลยทั้งสองเป็นสามีภริยากันต้องคำพิพากษาให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียม โจทก์ได้ร้องขอรับชำระหนี้ในคดีที่จำเลยที่ ๑ถูกฟ้องล้มละลายแล้ว แต่ได้รับชำระไม่ครบ โจทก์จึงชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีได้จนกว่าโจทก์จะได้รับชำระครบถ้วน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๑ การชำระค่าเสียหายตามคำพิพากษาจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยาต้องรับผิดชำระร่วมกัน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๘๐ บัญญัติให้ใช้จากบริคณห์และสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิขอให้ขายที่ดิน ๒ แปลง อันเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ ๒ ได้
ข้อที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า ขายทอดตลาดที่ดินแปลงแรกได้ราคาเกินกว่าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้แล้ว โจทก์ไม่ขอรับไปเอง จนต้องโอนไปดำเนินการในคดีที่จำเลยที่ ๑ ถูกฟ้องล้มละลาย โจทก์ได้รับส่วนเฉลี่ยแล้ว ยังมายึดทรัพย์จำเลยที่ ๒ อีกไม่เป็นการยุติธรรมนั้น
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ ๑ สามีจำเลยที่ ๒ ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๘๔บัญญัติว่า ถ้าสามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย สินบริคณห์ย่อมแยกจากกันโดยอำนาจกฎหมายนับแต่วันที่ศาลพิพากษาให้ล้มละลายนั้นจำเลยที่ ๒ อ้างว่าที่ดินแปลงแรกที่ขายทอดตลาดเป็นสินบริคณห์เมื่อจำเลยที่ ๑ ล้มละลาย ก็ต้องแบ่งราคาออกเป็นส่วนของจำเลยที่ ๒แต่จำเลยที่ ๒ ไม่โต้แย้งหรือขอกันส่วนของจำเลยที่ ๒ ไว้ จำเลยที่ ๒จะอ้างว่า ขายที่ดินแปลงแรกซึ่งจำเลยที่ ๒ มีส่วนอยู่ ได้เงินพอชำระหนี้โจทก์แล้ว จำเลยที่ ๒ ไม่ต้องชำระให้อีกนั้น ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share