คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1645/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีเครื่องชั่งไว้ชั่งซื้อข้าวเปลือกจากผู้ขาย การที่เครื่องชั่งของจำเลยชั่งวัตถุที่มีน้ำหนักจริง 500 กิโลกรัม ได้น้ำหนัก 502 กิโลกรัม ทำให้ผู้ขายได้น้ำหนักเพิ่มขึ้น 2 กิโลกรัม ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเครื่องชั่งดังกล่าวไว้เพื่อเอาเปรียบในการค้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270 คงมีความผิดตามพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 มาตรา 31, 38 เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันมีเครื่องชั่งแบบตุ้มเลื่อน พิกัดกำลัง ๕๐๐ กิโลกรัม จำนวน ๑ เครื่อง ซึ่งเป็นเครื่องชั่วที่ผิดพิกัดอัตรา ตามพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. ๒๔๖๖ และเป็นการเพื่อเอาเปรียบในการค้า ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. ๒๔๖๖ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๑ และริบของกลาง
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ให้การปฏิเสธ ซึ่งศาลชั้นต้นได้จำหน่ายคดีให้โจทก์ฟ้องเป็นคดีใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. ๒๔๖๖ มาตรา ๓๑, ๓๘ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๐ ลงโทษตามมาตรา ๒๗๐ อันเป็นบทหนักและลดโทษให้จำเลยที่ ๑ กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก ๑ เดือน ๑๕ วัน ปรับ ๑,๕๔๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปี
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษจำคุก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษและไม่ปรับจำเลยที่ ๑ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่า จำเลยที่ ๑ มีเครื่องชั่งที่ผิดอัตรา เมื่อใช้ชั่งน้ำหนักชั้น ๑ ๕๐๐ กิโลกรัม น้ำหนักเกินมาตรฐานไป ๒ กิโลกรัมทุกขั้นอันเป็นกรณี จำเลยที่ ๑ มีเครื่องชั่งซื้อข้าวเปลือกจากผู้ขาย มิใช่ชั่งขายนั้น จำเลยที่ ๑ ได้เอาเปรียบในการค้าหรือไม่ เห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความว่า เครื่องชั่งที่จำเลยที่ ๑ มีไว้ วัตถุที่มีน้ำหนักจริง ๕๐๐ กิโลกรัม ใช้เครื่องชั่งของจำเลยที่ ๑ จะได้น้ำหนัก ๕๐๒ กิโลกรัม โดยที่จำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายชั่งข้าวเปลือกที่ซื้อจากผู้ขาย เห็นได้ว่า ถ้าข้าวเปลือกที่ลูกค้านำมาขายจำเลยที่ ๑ มีน้ำหนัก ๕๐๐ กิโลกรัม ใช้เครื่องชั่งของจำเลยที่ ๑ จะได้น้ำหนักข้าวเปลือกเพิ่มขึ้นอีก ๒ กิโลกรัม จึงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ ๑ มีเครื่องชั่งดังกล่าวไว้เพื่อเอาเปรียบในการค้า การกระทำของจำเลยที่ ๑ จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๑ คงมีความผิดตามพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. ๒๕๖๖ มาตรา ๓๑, ๓๘ เท่านั้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. ๒๔๖๖ มาตรา ๓๑, ๓๘ จำคุก ๑ เดือน ปรับ ๕๐๐ บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้ ๒ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share