แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อความที่ผู้ตายได้กล่าวยืนยันต่อผู้ใหญ่บ้านและเจ้าพนักงานตำรวจในขณะที่ผู้ตายยังมีสติดี ไม่มีอาการเพ้อคลั่ง และรู้ตัวว่าคงจะตายแน่ ว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายนั้น ถึงแม้ว่าเจ้าพนักงานตำรวจจะบันทึกถ้อยคำให้ผู้ตายลงชื่อไว้ไม่ทัน ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกปล้นทรัพย์และฆ่าเจ้าทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 288, 289, 83 กับขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 3,760 บาท
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ให้จำคุกตลอดชีวิต กับให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 3,760 บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ก่อนผู้ตายถึงแก่ความตาย ในขณะมีสติดีไม่มีอาการเพ้อคลั่ง รู้ตัวว่าคงจะตายแน่ ได้ยืนยันว่าจำจำเลยทั้งสองเป็นคนร้าย ต่อผู้ใหญ่บ้านเมื่อมาสอบถาม และภายหลังเมื่อจ่าสิบตำรวจทรัพย์ จ่าสิบตำรวจบรรพต นายแสกับพวกมายังที่เกิดเหตุผู้ตายก็บอกยืนยันต่อหน้าบุคคลเหล่านั้น แต่เจ้าพนักงานตำรวจบันทึกถ้อยคำให้ผู้ตายลงชื่อไว้ไม่ทัน ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ส่วนหนึ่ง
พิพากษายืน