คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1642/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลรัษฎากร แม้จะบัญญัติให้นายจ้างหักเงินภาษีของลูกจ้าง และให้นายจ้างต้องรับผิดในเงินภาษีที่มิได้หักไว้จริง แต่ก็มิได้มีบทบัญญัติให้นายจ้างมีสิทธิเรียกร้องภาษีจากลูกจ้างในกรณีที่มิได้หักเงินภาษีไว้ และบัญญัติให้ลูกจ้างหลุดพ้นความรับผิดในการชำระภาษีเงินได้ เฉพาะแต่กรณีที่นายจ้างหักเงินภาษีไว้แล้วมิได้ให้สิทธินายจ้างฟ้องเรียกเงินภาษีที่มิได้หักไว้ นายจ้างจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินภาษีที่ยังมิได้หักจากลูกจ้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์มาเป็นผู้จัดการโรงแรมของจำเลย แล้วผิดสัญญา จึงเรียกค่าจ้างและค่าสินไหมทดแทน
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มิได้เสียภาษีเงินได้ตลอดปี ๒๕๐๓ จำเลยในฐานะนายจ้างชอบที่จะหักไว้ได้ แต่โจทก์มิได้ให้จำเลยหักไว้ขณะจ่าย และจำเลยจะต้องรับผิดต่อกรมสรรพากร จึงเรียกเงินจำนวนนี้และค่าเสียหายอื่นอีก
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่มีสิทธิมาฟ้องภาษีเงินได้แทนกรมสรรพากร และโจทก์มิได้ผิดสัญญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ยกฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยเกี่ยวกับภาษีเงินได้ตามฟ้องแย้งว่า ตามประมวลรัษฎากร บัญญัติให้นายจ้างหักเงินค่าภาษีของลูกจ้างและให้นายจ้างต้องรับผิดในเงินค่าภาษีที่มิได้หักไว้จริง แต่มิได้มีบทบัญญัติให้นายจ้างมีสิทธิเรียกร้องค่าภาษีจากลูกจ้าง ในกรณีที่มิได้หักค่าภาษีไว้ และตามประมวลรัษฎากร บัญญัติให้ลูกจ้างหลุดพ้นความรับผิดในการชำระภาษีเงินได้เฉพาะแต่กรณีที่นายจ้างหักเงินภาษีไว้แล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นว่า ตามประมวลรัษฎากรไม่ได้ให้สิทธิจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างที่จะฟ้องเรียก เงินค่าภาษีที่มิได้หักไว้ และโจทก์มิได้เป็นหนี้จำเลย จำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินนี้จากโจทก์
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงอื่นแล้วพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดในเงินค่าขนของส่วนตัวและค่ารถยนต์กลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ให้โจทก์ นอกจากนี้
พิพากษายืน

Share