คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเลิกจ้างโจทก์ เพราะเหตุประสบภาวะการขาดทุนไม่สามารถดำเนินกิจการในแผนกที่โจทก์ทำงานอยู่ต่อไปได้ ทั้งภายหลังเลิกจ้าง แล้วจำเลยยังพยายามดำเนินการเพื่อให้โจทก์เข้าทำงานใหม่ และได้จ่ายเงินชดเชยให้โจทก์ทุกคนรับไปแล้วด้วย จึงถือไม่ได้ว่า เป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องทำนองเดียวกันว่า จำเลยได้จ้างโจทก์ให้ทำหน้าที่บริหารทางการบินต่อมาเดือนธันวาคม ๒๕๑๗ โจทก์กับจำเลยมีข้อพิพาทแรงงานเกี่ยวกับสภาพการจ้างและตกลงกันได้ ตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย เรื่องการแรงงานสัมพันธ์ โดยทำบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างไว้ มีสารสำคัญว่า จำเลยยอมให้โจทก์รับผลประโยชน์ต่าง ๆ หลายประการ ทั้งไม่ถือเอาข้อพิพาทแรงงานเกี่ยวกับสภาพการจ้างครั้งนี้ เป็นสาเหตุกลั่นแกล้ง ปลดออก ไล่ออก โดยไม่มีความผิดใด ๆ ทั้งสิ้น ครั้นวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๑๘ จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์และให้ออกจากงานโดยไม่มีความผิดเป็นการปฏิบัติผิดข้อตกลง ทำให้โจทก์เสียหายขาดรายได้เป็นเงินค่าจ้างและค่าอาหารรายเดือน โจทก์ทวงเตือนให้จำเลยชำระแล้ว จำเลยเพิกเฉย ขอให้ศาลบังคับชำระค่าเสียหายพร้อมกับดอกเบี้ยแก่โจทก์ทุกสำนวน
จำเลยให้การทำนองเดียวกันว่า จำเลยมิได้ปฏิบัติผิดบันทึกข้อตกลง และถือเอาการเรียกร้องและหยุดงานของโจทก์เป็นสาเหตุกลั่นแกล้ง ปลดออก ไล่ออกแต่อย่างใด แต่เนื่องจากจำเลยประสบภาวะขาดทุน มีความจำเป็นต้องโอนกิจการบางแผนกให้กับบริษัทการบินไทย จำกัด จำเลยได้แจ้งให้ลูกจ้างทุกคนทราบด้วยว่า ถ้าโจทก์ประสงค์จะโอนไปปฏิบัติงานกับบริษัทการบินไทย จำกัด ก็จะได้เงินชดเชยตามสิทธิอันพึงได้ และเงินชดเชยอื่น ๆ ด้วย โจทก์ตกลงรับเงินชดเชยต่าง ๆ ดังกล่าว ไปจากจำเลย และยินยอมไปปฏิบัติงานในบริษัทการบินไทย จำกัด โดยมิได้ทักท้วงต้องถือว่ามีการตกลงกันเป็นยุติแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทุกสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทุกสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ทุกคนเป็นพนักงานของจำเลย โดยเป็นลูกจ้างทำงานในแผนกบริการภาคพื้นดิน เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๐๗ โจทก์และพนักงานอื่น ๆ นัดหยุดงานเรียกร้องเงินค่าครองชีพฯลฯ ผลที่สุดตกลงกันได้ และได้ทำบันทึกข้อตกลงกันไว้ ๒ ฉบับ ตามเอกสารหมาย ล.๑๐ และ ล.๑๑ ซึ่งมีผลให้ใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๙ ครั้นต่อมาวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๐๘ จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์และพนักงานอื่น โดยอ้างว่าขาดทุน และโอนกิจการแผนกบริหารภาคพื้นดินให้แก่บริษัทการบินไทย จำกัด ทั้งนี้ โดยได้จ่ายเงินชดเชยแก่โจทก์ด้วยแล้ว และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ เพราะเหตุประสบภาวะการขาดทุน ไม่สามารถ ดำเนินกิจการในแผนกที่โจทก์ทำงานอยู่ต่อไปได้ ทั้งภายหลังเลิกจ้างแล้ว จำเลยยังได้พยายาม ดำเนินการเพื่อให้โจทก์เข้าทำงานใหม่ และได้จ่ายเงินชดเชยให้โจทก์ทุกคนรับไปแล้วด้วย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมต่อโจทก์
พิพากษายืน

Share