แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่โจทก์หาว่าจำเลยลักทรัพย์ในที่จอดรถไฟ โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานหรือพยานแวดล้อมกรณีมาสืบ คงส่งแต่คำให้การเจ้าทรัพย์ในชั้นสอบสวนมาประกอบการพิจารณา กับอ้างตำรวจผู้ทำการจับกุมจำเลยตามคำบอกเล่าของเจ้าทรัพย์โดยมิได้รู้เห็นขณะเกิดเหตุ ทั้งธนบัตรที่ค้นได้จากจำเลยก็มากกว่าที่เจ้าทรัพย์ว่าถูกล้วงไป ดังนี้ น้ำหนักหลักฐานพยานโจทก์หาพอที่จะฟังลงโทษจำเลยได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยล้วงกระเป๋าลักธนบัตรของนายละมูลบนรถไฟขณะจะเคลื่อนออกจากสถานีลพบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 294 จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีผิดตาม มาตรา 290 จำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาแล้ว คดีนี้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานหรือพยานแวดล้อมกรณีพอจะให้ฟังว่าจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้ โจทก์ได้แต่ส่งคำเจ้าทรัพย์ชั้นสอบสวนมาประกอบการพิจารณา โดยอ้างว่าส่งหมายให้เจ้าทรัพย์มาเบิกความไม่ได้ คำให้การเจ้าทรัพย์ชั้นสอบสวนนี้จำเลยไม่มีโอกาสได้ฟังและซักถามเลย นอกจากนี้โจทก์อ้างตำรวจ 2 นายผู้ไปทำการจับกุมจำเลยตามความบอกเล่าของเจ้าทรัพย์ โดยมิได้รู้เห็นขณะเกิดเหตุแต่ประการใด ส่วนธนบัตรที่ค้นได้ในตัวจำเลยก็มากกว่าธนบัตรที่เจ้าทรัพย์ว่าถูกล้วงไปถึง 76 บาท เห็นว่าหลักฐานพยานโจทก์ยังไม่พอลงโทษจำเลย
จึงพิพากษายืน