คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

วันที่จะถือว่าโจทก์ทราบถึงการที่จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ คือวันที่ผู้ว่าการโจทก์ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์แต่เพียง ผู้เดียวได้รับรายงานเรื่องละเมิด ผู้ว่าการโจทก์ได้รับรายงานเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2524 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2525จึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 50,054 บาท จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า “ส่วนปัญหาว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่นั้น เห็นว่าโจทก์เป็นนิติบุคคล ระหว่างเกิดเหตุมีนายวิทยา เพียรวิจิตร เป็นผู้ว่าการ นายวิทยาจึงเป็นผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งโจทก์นำสืบว่านายวิทยาเพิ่งได้รับรายงานเรื่องที่จำเลยที่ 1 ทำให้ท่อประปาชำรุดเสียหายและจำนวนค่าเสียหายตามบันทึกเอกสารหมาย ปจ.2 เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2524 และนายวิทยาได้มีหนังสือให้จำเลยที่ 1ใช้ค่าเสียหายในวันเดียวกัน จำเลยทั้งสามมิได้นำสืบว่า โจทก์รู้ถึงการทำละเมิดของจำเลยที่ 1 เมื่อใด ที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่าการประปาตะกั่วป่าได้รายงานให้การประปาเขต 14 นครศรีธรรมราชทราบเหตุละเมิดตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2523 ถือว่าโจทก์ทราบเหตุละเมิดตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2523 แล้วนั้นเห็นว่าการประปาเขต 14 ไม่ใช่ผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ จะถือว่าโจทก์ทราบเหตุละเมิดแล้วไม่ได้ ต้องถือว่าโจทก์ทราบถึงการที่จำเลยที่ 1กระทำละเมิดต่อโจทก์ในวันที่นายวิทยาผู้ว่าการได้รับรายงานคือวันที่ 14 เมษายน 2524 โจทก์ฟ้องคดีนี้ในวันที่ 12 เมษายน 2525จึงไม่ขาดอายุความ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share