แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้เครื่องจักรที่มีกำลังรวมเกินกว่าสองแรงม้าขึ้นไปและใช้คนงานเกินกว่าเจ็ดคนเพื่อดำเนินการประกอบ โครงเหล็กหลังคาสำหรับใช้ในการก่อสร้างขึ้นภายในอาคารสถานที่ของจำเลย แม้เป็นการชั่วคราวและมิได้ทำเพื่อจำหน่าย อาคารสถานที่ดังกล่าวก็เป็นโรงงานตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2512 มาตรา 5 แล้ว เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานจากปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมมอบหมายให้ออกใบอนุญาต จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 มาตรา 43 และ 44
การเป็นโรงงานตามพระราชบัญญัติโรงงาน นอกจากจะต้องเป็นไปตามมาตรา 5 แล้ว ต้องเป็นการประกอบกิจการโรงงานตามกฎกระทรวงท้ายพระราชบัญญัติโรงงานด้วย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันตั้งโรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์โลหะสำหรับใช้ในการก่อสร้าง โดยติดตั้งเครื่องจักรมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดกำลังแรงม้ารวมทั้งหมด ๑๒๕.๒๕แรงม้า ใช้คนงาน ๘ คน เพื่อควบคุมเครื่องจักรที่บ้านอันเป็นโรงงานที่จัดอยู่ในประเภทหรือชนิดของโรงงานตามกฎกระทรวงฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๑๒) โดยจำเลยทั้งสองมิได้รับใบอนุญาตจากปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมมอบหมาย หลังจากนั้น จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันประกอบกิจการโรงงานดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการโรงงานจากปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมมอบหมายให้ออกใบอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๑๒ มาตรา ๕, ๘, ๑๒, ๔๓, ๔๔ พระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๕ พระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓, ๔ กฎกระทรวงฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๑๒) เรื่องกำหนดประเภทและชนิดโรงงาน ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ให้จำเลยทั้งสองหยุดประกอบกิจการโรงงานและรื้อถอนเครื่องจักรดังกล่าว
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๑๒ มาตรา ๕, ๘, ๑๒, ๔๓, ๔๔ พระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๕ พระราชบัญญัติโรงงาน(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓, ๔ กฎกระทรวงฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๑๒) เรื่อง กำหนดประเภทและชนิดโรงงาน ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ฐานตั้งโรงงานไม่รับอนุญาต ปรับคนละ ๑๐,๐๐๐ บาท ฐานประกอบกิจการโรงงานไม่รับอนุญาต ปรับคนละ ๒๐,๐๐๐ บาท รวมปรับคนละ ๓๐,๐๐๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ให้จำเลยทั้งสองหยุดประกอบกิจการโรงงานจนกว่าจะได้รับอนุญาต คำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองได้ตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และไม่ได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน อันเป็นความผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่ ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าการประกอบโครงเหล็กหลังคาเป็นการชั่วคราว ไม่มีวัตถุประสงค์ตั้งโรงงานเพื่อผลิตโครงสร้างอาคาร จึงถือว่าจำเลยทั้งสองไม่มีเจตนาตั้งโรงงานหรือประกอบกิจการโรงงานนั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยทั้งสองได้ใช้เครื่องจักรที่มีกำลังรวมเกินกว่าสองแรงม้าขึ้นไปและใช้คนงานเกินกว่าเจ็ดคน แม้ดำเนินการในอาคารสถานที่ของบริษัทสี่พระยาวัตถุโบราณและเฟอร์นิเจอร์ จำกัด ซึ่งจำเลยที่ ๒เป็นกรรมการผู้จัดการอยู่ด้วย ก็ต้องถือว่าอาคารสถานที่ดังกล่าวเป็นโรงงานตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.๒๕๑๒ และเป็นโรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์โลหะสำหรับใช้ในการก่อสร้างหรือติดตั้งในการทำส่วนประกอบสำหรับใช้ในการก่อสร้างอาคารจึงเป็นโรงงานตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑(พ.ศ. ๒๕๑๒) และบัญชีท้ายกฎกระทรวงอันดับที่ ๖๓(๒) เมื่อจำเลยทั้งสองไม่ได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตจากปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมมอบหมายให้ออกใบอนุญาต จำเลยก็ต้องมีความผิดตามฟ้องโจทก์ ที่จำเลยอ้างว่า จำเลยไม่มีเจตนาตั้งโรงงานผลิตหรือประกอบโครงสร้างเพื่อจำหน่ายนั้นเห็นว่า ตามบทมาตรากฎหมายดังกล่าวไม่ได้มีข้อจำกัดว่าต้องเพื่อเป็นการจำหน่ายจึงจะมีความผิด ที่จำเลยอ้างว่าจุดประสงค์ของพระราชบัญญัติโรงงานมิได้มุ่งหมายว่าการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังแรงม้าและจำนวนคนงานเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จะต้องขอจดทะเบียนตั้งโรงงานตามพระราชบัญญัติดังกล่าวทั้งหมดนั้นเห็นว่า การเป็นโรงงานตามพระราชบัญญัติโรงงาน นอกจากจะต้องเป็นไปตามมาตรา ๕ แล้วต้องเป็นไปตามกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติโรงงานด้วย เพราะฉะนั้นการทำสวนทำไร่ ซึ่งเจ้าของสวน เจ้าของไร่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ฉุดระหัดวิดน้ำมีกำลังแรงม้าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดตลอดจนการจ้างช่างมาซ่อมแซมบ้าน ซึ่งช่างต้องมีมอเตอร์ไฟฟ้าเกิน ๕ แรงม้าตามที่จำเลยอ้างมานั้น จึงไม่ต้องไปขออนุญาตตั้งโรงงานเพราะการประกอบกิจการดังกล่าว มิใช่เป็นการประกอบกิจการโรงงานตามกฎกระทรวงท้ายพระราชบัญญัติโรงงาน ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.