แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่และจำเลยอ้างว่าได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ที่สุดศาลได้พิพากษาให้เป็นไปตามยอมนั้นข้อตกลงที่โจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในห้องพิพาทต่อไปอีก 3 ปีโดยจำเลยยอมเสียค่าเช่าแก่โจทก์เดือนละ 70 บาทนั้น เป็นสาระสำคัญข้อหนึ่งแห่งสัญญาปราณีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลย เมื่อครบกำหนดจำเลยไม่ยอมออก โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้บังคับจำเลยได้เพราะ+
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากตึกแถว ซึ่งโจทก์อ้างว่าให้จำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้าและเรียกค่าเสียหายจำเลยให้การต่อสู้หลายประการ ในที่สุดโจทก์จำเลยทำสัญญาปราณีประนอมยอมความต่อศาล ลงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๔๙๒ มีใจความสำคัญโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าอยู่ต่อไปอีก ๓ ปี เมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยยอมออกจากห้องพิพาททันที
ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากาาลงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๔๙๒ ให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาปราณีประนอมยอมความนั้น และได้มีคำบังคับยอมในวันเดียวกัน
ครั้นพ้นกำหนด ๓ ปีแล้วจำเลยไม่ยอมออกจากฟ้องเช่ารายนี้ โจทก์จึงยื่นคำร้องลงวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๔๙๕ ขอให้ศาลบังคับจำเลยและบริวารออกจากห้องรายพิพาท
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามรายงานพิจารณาลงวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๔๙๕ บังคับให้จำเลยออกจากห้องพิพาทภายใน ๓๐ วัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อตกลงที่จำเลยจะออกไปจากห้องพิพาทในเวลาข้างหน้าเป็นแต่เพียงคำมั่นที่จะให้ความยินยอมออกจากห้องเช่าเมื่อครบกำหนด ๓ ปี มิใช่ว่าผู้ให้เช่าได้รับความยินยอมของผู้เช่าในการเลิกใช้ทรัพย์ที่เช่าตาม ม.๑๖(๕) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ และตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๘๔๘/๒๔๙๑ ระหว่างนายเทียมหยู แซ่ลิ้ม โจทก์ นายเกียเซ้ง แซ่เฮ้ง จำเลย คำมั่นเช่นนี้มิใช่เป็นสัญญาปราณีประนอมยอมคาม คำพิพากษาตามยอมไม่กินความถึง โจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาลออกคำสั่งขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท พิพากษากลับให้ยกคำสั่งบังคับคดีของศาลชั้นต้นในส่วนนี้เสีย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อตกลงที่โจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในห้องพิพาทต่อไปอีก ๓ ปี โดยจำเลยยอมเสียค่าเช่าให้แก่โจทก์นั้นเห็นได้ว่าเป็นสาระสำคัญข้อหนึ่งแห่งสัญญาปราณีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยเพราะเป็นข้อที่ทั้งสองฝ่ายต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันเพื่อระงับข้อพิพาทอันมีอยู่ในศาล ฉะนั้นเมื่อครบกำหนด ๓ ปี จำเลยไม่ยอมออกจากห้องพิพาท โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้บังคับจำเลยได้เพราะศาลได้มีคำพิพากษาให้เป็นไปตามยอมนั้นแล้ว คำพิพากษาฎีกาที่ศาลอุทธรณ์อ้างมานั้น ไม่ใช่เรื่องที่มีคำพิพากษาของศาลบังคับไว้ จึงเอามาปรับกับคดีนี้ไม่ได้
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น