แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันโดยผู้ขายได้รับชำระราคาที่ดินแล้ว แต่ยังทำโอนไม่ได้เพราะพนักงานที่ดินส่งโฉนดไปยังกรมที่ดินเสีย ผู้ขายจึงมอบที่ดินที่ขายให้ผู้ซื้อครอบครองไปพลางก่อนจนกว่า กรมที่ดินจะส่งโฉนดคืนมาจึงจะทำโอนกัน ผู้ซื้อจึงได้เข้าครอบครองที่ดินนั้นตลอดมา 4 ปีเศษ ดังนี้ ถือได้ว่าผู้ซื้ออยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนเกี่ยวกับที่ดินนั้นได้ก่อนแล้วตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1300
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๔๘๘ จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่โจทก์แปลงหนึ่งเนื้อที่ ๑๕ ไร่ ๒ งาน ตามโฉนดเลขที่ ๑๓๖๕ เป็นราคา ๒๖๐๐ บาท จำเลยได้รับเงินไปเสร็จแล้ว ยังทำการโอนโฉนดกันไม่ได้โดยพนักงานที่ดินส่งโฉนดไปยังกรมที่ดินจังหวัดพระนครจำเลยที่ ๑ ไปยินยอมมอบที่ดินให้โจทก์เข้าครอบครองพลางก่อนจนกว่ากรมที่ดินจะส่งโฉนดกลับมาตั้งแต่นั้นโจทก์ได้ครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของตลอดมา ๔ ปีเศษแล้ว ครั้นวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๔๙๒ จำเลยที่ ๑ ได้โอนขายที่ดังกล่าวแก่จำเลยที่ ๒ โดยการฉ้อฉล เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบจำเลยที่ ๒ ก็รู้แล้ว ว่าจำเลยที่ ๑ ได้มีความผูกพันที่จะขายให้โจทก์ จึงขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายระหว่างจำเลยทั้ง ๒ และให้โอนขายที่ดินแก่โจทก์ตามสัญญา
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่พิพาทระหว่างจำเลยทั้ง ๒ และให้จำเลยที่ ๑ โอนขายที่พิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่ ๑ แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์ การซื้อขายระหว่างจำเลยทั้งสองเป็นการไม่สุจริต โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เพิกถอนทำลายเสียได้
จึงพิพากษายืน