แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นไวยาวัจกรของวัด ได้บอกกล่าวให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งต้นไม้ที่ปลูกล้ำที่เช่าวัดออกมา เพื่อทางวัดจะได้ขุดคูไปให้ทะลุคลอง ตามที่ได้ตกลงจ้างเขาไว้ โจทก์รับทราบและว่าจะจัดการแล้วต่อมาไม่จัดการ ประวิงเวลาไว้จนสัญญาที่ทางวัดจ้างผู้ขุดจะหมดจำเลยจึงได้เข้าจัดการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและตัดต้นไม้ที่ล้ำนอกเขตเช่า โดยระมัดระวังพยายามให้เกิดการเสียหายน้อยที่สุด เพื่อขุดคลองแล้วนำไปกองไว้ให้โจทก์เช่นนี้ จำเลยยังไม่มีผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เพราะมิได้มีเจตนาทำให้เสียทรัพย์แต่จำเลยต้องรับผิดในการละเมิดที่ทำแก่ทรัพย์ของโจทก์ ไม่ได้รับการยกเว้นตามประมวลแพ่งมาตรา 451 นอกจากค่าเสียหายธรรมดาแล้วศาลยังคิดค่าเสียหายให้ตามประมวลแพ่งฯ มาตรา 446 อีกโสดหนึ่งด้วย
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้ศาลสั่งพิจารณารวมกัน โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าที่ดินวัดไทรอยู่โดยปลูกบ้านมานานปี ครั้นวันที่ 12, 14, 17, 18 พ.ศ. 2496 เวลากลางวันจำเลยกับพวก โดยไม่มีอำนาจจะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ได้สมรู้ร่วมมือกันบังอาจทำแก่ทรัพย์ของโจทก์ให้เป็นอันตราย ชำรุด เสียหาย ฯลฯ จึงขอให้ศาลลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 324, 63, 71 พร้อมกับขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่นายยกหลงโจทก์ 7,115 บาท และแก่นางเง็กโจทก์ 5,300 บาท
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยมิได้มีเจตนาร้ายอันควรแก่เป็นความผิดอาญาเพราะจำเลยกระทำโดยความจำเป็นและโดยหน้าที่อันชอบธรรมตามกฎหมายเพื่อป้องกันบรรเทาความเสียหายของฝ่ายจำเลยที่กำลังเป็นอยู่จำเลยกระทำเท่าที่จำเป็นและโดยความระมัดระวัง ทั้งนี้ตามความปรองดองระหว่างโจทก์จำเลยและผู้ว่าราชการจังหวัดธนบุรีอนุมัติคูที่จำเลยขุดและต้นไม้ที่จำเลยตัด จำเลยผู้เป็นเวยยาวัจจกรของวัดไทรย่อมทำได้เพราะทำในที่ของวัด ซึ่งมิได้ให้โจทก์เช่า โจทก์มิได้เสียหายตามฟ้อง ค่าขาดความสุขโจทก์เรียกไม่ได้ จึงขอให้ศาลยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 324, 63 ปรับรวม 200 บาท กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้นายยกหลง 987.50 บาท ให้นางเง็ก 610 บาท
โจทก์ จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยไม่ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในการละเมิด แต่แก้ให้จำเลยใช้แก่นายยกหลง 500 บาท ให้นางเง็ก 200 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 เป็นกรรมการบูรณะวัดและเป็นเวยยาวัจจกรของวัด จำเลยที่ 2 ผู้รับจ้างเก็บผลประโยชน์ส่งวัดได้พาผู้รับเหมากับลูกจ้างไปรื้อรั้วไม้ขัดแตะหลังบ้านนางเง็กซึ่งเป็นรั้วที่พวกผู้อพยพหลบภัยสงครามทำไว้ และตัดต้นไม้บางต้นที่กีดขวางทางที่จะขุดคู กับรื้อที่ทำครัวของนายยกหลง และที่ซักผ้าแล้วขุดดินต่อจากคูที่ขุดไว้ในตอนในเฉียดข้างเรือนโจทก์ทั้งสองจนถึงคลองสนามชัย จนน้ำในคลองไหลเข้าออกในคูได้ ส่วนสิ่งที่รื้อออกของโจทก์คนใดก็เอากองไว้ให้ที่หลังบ้านของโจทก์คนนั้นซึ่งศาลเชื่อว่าเขตที่จำเลยรื้อถอนตัดฟันไม่ได้อยู่ในเขตที่วัดได้ตกลงให้โจทก์เช่าเป็นการส่อแสดงว่าจำเลยหาได้มีเจตนาแกล้งทำลายทรัพย์ของโจทก์ให้ชำรุดเสียหายไปโดยปราศจากเหตุผล จำเลยจึงไม่มีเจตนาชั่วร้ายจึงไม่ผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 324 แต่สำหรับการรับผิดในเรื่องละเมิดนั้นจำเลยต้องรับผิดตามประมวลแพ่งฯ มาตรา 438 จำเลยไม่ได้รับนิรโทษกรรมตามประมวลแพ่งฯ มาตรา 451 ดั่งจำเลยเถียงทั้งศาลฎีกายังเห็นว่าสำหรับค่าสินไหมทดแทนนั้น นอกจากการคืนทรัพย์สินที่ผู้กระทำทำให้เสียหายไป หรือใช้ราคาทรัพย์สินแทนแล้วกฎหมายยังให้ผู้เสียหายเรียกเอาค่าเสียหายได้อีกตามประมวลแพ่งฯมาตรา 446 จึงพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษาไว้ กับให้จำเลยชดใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์อีกรายละ200 บาทด้วย