คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 122/2528

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำร้องทุกข์กล่าวถึงสาเหตุที่ พ. สามีจำเลยออกเช็คตามฟ้องให้โจทก์ โดยจำเลยลงลายมือชื่อสลักหลัง ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คตอนท้ายระบุว่า โจทก์จึงนำความมาแจ้งขอให้ดำเนินคดีต่อ พ. ต่อไป ดังนี้ ไม่อาจถือได้โดยปริยายว่าโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยด้วย หากแต่มีเจตนาให้ พ. ได้รับโทษแต่ผู้เดียว โจทก์นำคดีนี้ซึ่งเป็นกรณีความผิดอันยอมความได้มาฟ้องจำเลยเมื่อพ้น 3 เดือน และโดยมิได้ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยภายใน 3 เดือน นับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีโจทก์ย่อมขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไม่เป็นคำร้องทุกข์ที่ผู้เสียหาย คือโจทก์ประสงค์จะให้จำเลยได้รับโทษ ความผิดคดีนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัว โจทก์ฟ้องคดีเมื่อเกินกำหนด 3 เดือน นับแต่ความผิดเกิดขึ้น คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ยุติว่า เช็คตามฟ้องเป็นเช็คธนาคารนครหลวงไทย จำกัด สาขาอ่างทอง ซึ่งนายพลเอก ครองบุญสามีของจำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายชำระหนี้แก่โจทก์ โดยจำเลยลงลายมือชื่อสลักหลัง ฉบับแรกลงวันที่ 2 สิงหาคม 2523 จำนวนเงิน 10,000 บาท ฉบับที่ 2ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2523 จำนวนเงิน 20,000 บาท ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 11 สิงหาคม2523 จำนวนเงิน 50,000 บาท โจทก์นำเช็คฉบับแรกและฉบับที่ 2 ไปเรียกเก็บเงินวันที่ 5 สิงหาคม 2523 และฉบับที่ 3 วันที่ 11 สิงหาคม 2523 ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินว่า โปรดติดต่อผู้สั่งจ่ายในวันดังกล่าวทั้งสองคราว ซึ่งเป็นวันที่โจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดในวันนั้นแล้ว ครั้นวันที่ 29กันยายน 2523 โจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองอ่างทอง ปรากฏตามสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.7 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2524 คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ในข้อกฎหมายว่าเอกสารหมาย จ.7 เป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมายที่จะให้ดำเนินคดีแก่จำเลยคดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความหรือไม่

พิเคราะห์แล้ว คำร้องทุกข์ตามสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.7 มีข้อความในตอนต้นกล่าวถึงสาเหตุที่นายพลเอกสามีของจำเลยออกเช็คตามฟ้องให้แก่โจทก์โดยจำเลยลงลายมือชื่อสลักหลังตลอดจนการที่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ส่วนข้อความตอนท้ายระบุไว้ชัดเจนว่า “ผู้แจ้ง (คือโจทก์) จึงนำความมาแจ้ง ขอให้ดำเนินคดีต่อนายพลเอกฯ ต่อไป จึงรับคำร้องทุกข์ไว้” ข้อความในเอกสารนี้ไม่อาจถือได้โดยปริยายว่า โจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยด้วยดังที่โจทก์ฎีกา หากแต่เป็นการกล่าวหาโดยมีเจตนาจะให้นายพลเอกได้รับโทษแต่ผู้เดียวเท่านั้น โจทก์นำคดีนี้ซึ่งเป็นกรณีความผิดอันยอมความได้มาฟ้องจำเลยเมื่อพ้น 3 เดือน และโดยมิได้ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยภายใน 3 เดือนนับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีโจทก์ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share