คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1616/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ แต่จำเลยไม่มาสาบานตัว ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งยกคำร้องเนื่องจากไม่ได้ยื่นพร้อมอุทธรณ์ เมื่อศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยด้วยเหตุที่จำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอนาถาดังกล่าวพร้อมอุทธรณ์ ซึ่งไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคแรกแล้วนั้น หากจำเลยเห็นว่าคำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ให้ยกคำร้องดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยข้อกฎหมายโดยไม่ถูกต้องอย่างไร จำเลยก็ต้องอุทธรณ์คำสั่งศาลดังกล่าว ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 38 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคห้า ไม่ใช่กรณีที่จำเลยจะขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงินจำนวน 1,188,982.29 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2544 แต่จำเลยทั้งห้าไม่มาสาบานตัวให้คำชี้แจงว่าตนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ ต่อมาจำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องลงวันที่ 21 มีนาคม 2544 ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์อีก ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งว่า กรณีตามคำร้องของจำเลยทั้งห้าเป็นการยื่นคำร้องเข้ามาใหม่ ถือไม่ได้ว่ายื่นคำร้องมาพร้อมกับอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคแรก และมิใช่กรณีขอให้ศาลพิจาณาคำขอใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ จึงให้ยกคำร้อง จำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องลงวันที่ 5 เมษายน 2544 ว่า การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ ฉบับลงวันที่ 21 มีนาคม 2544 เป็นการไม่ชอบ เพราะการที่จำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ดังกล่าวเพื่อขอให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ตามอุทธรณ์ที่จำเลยทั้งห้าได้ยื่นไว้แล้วซึ่งยังอยู่ในระยะเวลาในการวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ การยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นการยื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 ขอให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งเพิกถอนคำสั่งกับมีคำสั่งให้ไต่สวนคำร้องดังกล่าวและอนุญาตให้จำเลยทั้งห้าดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งว่า ตามคำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่ง จึงให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า เมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้า ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2544 ด้วยเหตุที่จำเลยทั้งห้ามิได้ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาดังกล่าวพร้อมอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคแรก นั้น เป็นการที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้วินิจฉัยในข้อกฎหมายเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้าว่าชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ เมื่อศาลดังกล่าววินิจฉัยว่า เป็นการยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโดยไม่ชอบและยกคำร้องดังกล่าว คำสั่งของศาลที่วินิจฉัยข้อกฎหมายเช่นนี้มิใช่การดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ และหากจำเลยทั้งห้าเห็นว่าคำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ให้ยกคำร้องดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยข้อกฎหมายโดยไม่ถูกต้องอย่างไร จำเลยทั้งห้าก็ต้องอุทธรณ์คำสั่งศาลที่วินิจฉัยข้อกฎหมายและมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้าดังกล่าวนั้น อันเป็นคำวินิจฉัยในปัญหาตามที่จำเลยทั้งห้าประสงค์จะโต้แย้งคัดค้านที่แท้จริง โดยต้องยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันมีคำสั่ง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 38 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคห้า ไม่ใช่กรณีที่จำเลยทั้งห้าจะขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยทั้งห้าดังกล่าวได้โดยอ้างว่าคำสั่งศาลดังกล่าวเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบแต่อย่างใด และเมื่อจำเลยทั้งห้าได้ทราบคำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่สั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2544 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2544 แล้ว แต่จำเลยทั้งห้าไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางดังกล่าวต่อศาลฎีกาภายในกำหนด 7 วัน ตามบทกฎหมายดังกล่าวมาข้างต้น จึงไม่มีเหตุผลที่ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศจะวินิจฉัยและพิพากษากลับคำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่สั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาชั้นอุทธรณ์ ฉบับที่ 2 ของจำเลยทั้งห้าดังกล่าวแล้ว เมื่อจำเลยทั้งห้าดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ถูกต้องเอง โดยแทนที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่สั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาดังกล่าว แต่กลับยื่นคำร้องขอให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเพิกถอนคำสั่งนั้น ดังนี้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยทั้งห้าที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้าฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share