แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ได้บรรยายฟ้องในข้อหามีภาชนะและเครื่องมือใช้สำหรับทำสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาทำและขายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 5,30มาเป็นแต่ละกรรม และของกลางก็เป็นคนละส่วนกัน ทั้งสภาพความผิดก็สามารถแยกออกเป็นต่างกรรมกันได้ จึงเป็นความผิดคนละกรรมต่างกันส่วนความผิดฐานมีสุราไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกับความผิดฐานมีแสตมป์สุราปลอมนั้น พระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติความผิดในโทษทั้งสองฐานนี้ไว้คนละมาตรา และสภาพความผิดก็เห็นได้ชัดว่าแยกต่างหากจากกัน ดังนี้ การกระทำของจำเลยสองกรรมหลังนี้จึงเป็นคนละกรรมและเป็นคนละกรรมกับความผิดในสองกรรมแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีกรรไกรตัดเล็บ 1 อัน ตรายาง ต.จ.ว.1 อัน ตราประทับวัน เดือน ปี 1 อัน หมึกพิมพ์ 1 อัน เครื่องปั๊มปิดฝาขวด 1 อัน ตัวพิมพ์ตะกั่ว 100 ตัว น้ำยาล้างหมึกพิมพ์ 1 ขวดสีหมึกพิมพ์สีแดง 1 กระป๋อง แท่นสกรีนไม้ 2 อัน ฝาจุกสุราแม่โขงปลอม 284 ฝา ยางลบ 2 อัน ที่เย็บกระดาษ 1 อัน ขวดเปล่าแอลกอฮอล์ 60 ขวด หม้ออะลูมิเนียม 1 ใบ อันเป็นภาชนะและเครื่องมือที่ใช้สำหรับทำสุรา ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกับนำภาชนะเครื่องมือที่มีไว้ในครอบครองดังกล่าวทำสุรากลั่นมีปริมาณน้ำสุรารวม 2,000 ลิตร และนำสุราที่ทำขึ้นดังกล่าวออกขายแก่ผู้มีชื่อจำนวน 2 ขวด โดยไม่ได้รับอนุญาต และมีสุรากลั่นที่ทำขึ้นดังกล่าวไว้ในความครอบครอง จำนวน 1 หม้อ กับ6 ขวด มีปริมาณสุรา 2,000 ลิตร โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นสุราที่ทำขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กับมีแสตมป์สุราซึ่งรู้อยู่ว่าเป็นแสตมป์ปลอม จำนวน 964 ดวง โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 4, 5, 30, 32, 44, 45พระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2497 มาตรา 4, 6, 12ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ริบของกลางจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 4, 5, 30, 32, 44, 45ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีภาชนะและเครื่องมือใช้สำหรับทำสุรา จำคุก 2 เดือน ฐานทำสุราและขายสุราจำคุก 6 เดือน ฐานมีสุราปรับ 1,000 บาท และฐานมีแสตมป์สุราปลอม จำคุก 6 เดือนเรียงกระทงลงโทษแล้วรวม จำคุก 1 ปี 2 เดือนและปรับ 1,000 บาทจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 7 เดือนและปรับ 500 บาท จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาของจำเลยซึ่งศาลฎีกามีคำสั่งให้รับไว้พิจารณาเพียงข้อเดียวว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท และจำเลยต้องรับโทษบทหนักที่สุดเพียงบทเดียวหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในข้อหาฐานมีภาชนะและเครื่องมือใช้สำหรับทำสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาทำและขายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 5, 30 นั้นโจทก์ได้บรรยายฟ้องมาเป็นแต่ละกรรมและของกลางก็เป็นคนละส่วนกันทั้งสภาพความผิดก็สามารถแยกออกเป็นต่างกรรมกันได้ จึงเป็นความผิดคนละกรรมต่างกัน ส่วนความผิดฐานมีสุราไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกับความผิดฐานมีแสตมป์สุราปลอมนั้น พระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติความผิดในโทษทั้งสองฐานนี้ไว้คนละมาตรากัน โดยโทษฐานมีสุราไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตบัญญัติไว้ในมาตรา 32และฐานมีแสตมป์สุราปลอมบัญญัติไว้ในมาตรา 44 และสภาพความผิดก็เห็นได้ชัดว่าแยกต่างหากจากกันได้อีกเช่นกัน การกระทำของจำเลยสองกรรมหลังนี้จึงเป็นคนละกรรมต่างกัน และเป็นคนละกรรมกับความผิดในสองกรรมแรกอีกด้วย ซึ่งเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพศาลต้องลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน