คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1614/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 256 โดยกล่าวว่าจำเลยที่ 1 ใช้ขวานทำร้ายจำเลยที่ 2 เป็นบาดแผลสาหัสประกอบด้วยทุกขเวทนากล้าเกินกว่า 20 วันและส่งรายงานชันสูตรบาดแผลมาด้วย จำเลยรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ ดังนี้ ศาลย่อมต้องฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นสาหัสตาม มาตรา 256(8) และพิพากษาคดีไปได้เลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176
เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี หากได้พิเคราะห์ถึงสภาพความผิดและเหตุผลต่างๆ แล้วเห็นเป็นการสมควร ศาลจะให้รอการลงโทษจำเลยไว้ไม่เกิน 5 ปีก็ได้ตาม มาตรา 41(ที่แก้ไข)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 1 ใช้ขวานฟันจำเลยที่ 2 บาดเจ็บสาหัสเพราะต้องทนทุกขเวทนากล้าเกิน 20 วัน จำเลยที่ 2 ใช้พร้าฟันจำเลยที่ 1 มีบาดเจ็บขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 254, 256, 27 จำเลยทั้งสองรับสารภาพผิดตามฟ้อง โจทก์ไม่สืบพยานส่งรายงานชันสูตรบาดแผล 2 ฉบับ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 254, 59 คงจำคุกคนละ 15 วัน

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม มาตรา 256

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 256(8), 59 มีกำหนด 1 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าตามฟ้องได้บรรยายข้อเท็จจริงไว้ชัดแล้วว่าจำเลยที่ 1 ใช้ขวานทำร้ายจำเลยที่ 2 เป็นบาดแผลสาหัสมีอาการประกอบด้วยทุกขเวทนากล้าไม่สามารถจะประกอบการหาเลี้ยงชีพได้ดังปกติเกินกว่า 20 วัน และจำเลยก็ให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ ไม่ติดใจคัดค้านแต่อย่างใด ศาลย่อมพิพากษาคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสชอบแล้ว เมื่อพิเคราะห์สภาพความผิดและเหตุผลต่าง ๆแล้วกรณีมีเหตุสมควรให้รอการลงโทษจำเลยที่ 1 ไว้ก่อน

จึงพิพากษาแก้เป็นว่าให้รอการลงโทษจำเลยที่ 1 ไว้มีกำหนด2 ปีตาม มาตรา 41 ที่แก้ไขเพิ่มเติม นอกนั้นคงยืน

Share