แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่า ขอให้ขับไล่ จำเลยให้การต่อสู้ว่าล. โอนขายตึกแถวที่เช่าให้โจทก์โดยตกลงกันว่าโจทก์จะจ่ายค่าขนย้ายให้แก่จำเลยผู้เช่า ต่อมาโจทก์ไม่ยอมจ่ายค่าขนย้าย จำเลยจึงยังคงมีสิทธิอยู่ในตึกแถวพิพาทต่อไป และฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ชำระเงินค่าขนย้าย ให้แก่จำเลย ดังนี้ ประเด็นคงมีเพียงว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าหรือไม่ การที่จำเลยอ้างในฟ้องแย้งว่าจำเลยมีสิทธิได้รับค่าขนย้ายจากโจทก์ตามข้อตกลงดังกล่าว จึงเป็นคนละประเด็นต่างออกไปจากคำฟ้อง ฉะนั้น ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวจากนางผ่องศรี กังสานนท์ต่อมานางผ่องศรีโอนขายตึกแถวดังกล่าวให้โจทก์ ซึ่งจำเลยก็ได้ทราบการโอนขายตึกแถวแล้ว และได้นำค่าเช่ารายเดือนมาชำระให้โจทก์ต่อมาจำเลยไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ โจทก์จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาและให้จำเลยส่งมอบห้องที่เช่าแก่โจทก์ จำเลยได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาแล้วไม่ยอมออกไป จึงฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องที่เช่า
จำเลยให้การว่า ในการซื้อขายตึกแถวพิพาทนี้ โจทก์ได้ตกลงกับนางผ่องศรีว่าโจทก์จะจ่ายค่าขนย้ายให้แก่จำเลยผู้เช่าเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐บาท ครั้นต่อมาโจทก์จะให้จำเลยเพียง ๑๕,๐๐๐ บาท จำเลยจึงไม่ยอมขนย้าย เพราะโจทก์ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับนางผ่องศรีจำเลยมีสิทธิอยู่ในตึกพิพาทต่อไปจนกว่าโจทก์จะปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าว และฟ้องแย้งขอให้ศาลบังคับโจทก์ชำระเงินค่าขนย้าย ๓๐,๐๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การ ส่วนฟ้องแย้งนั้นเห็นว่าไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ขอให้รับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องมาว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าขอให้ขับไล่จำเลย ฉะนั้นประเด็นจึงมีว่า จำเลยผิดสัญญาหรือไม่ส่วนที่จำเลยอ้างในฟ้องแย้งว่าจำเลยมีสิทธิได้รับค่าขนย้ายจากโจทก์เนื่องจากข้อตกลงระหว่างโจทก์กับนางผ่องศรีนั้น เป็นคนละประเด็นต่างออกไปจากฟ้องและมิได้เกี่ยวข้องกับประเด็นว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าต่อโจทก์หรือไม่ ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
พิพากษายืน