คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16129/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อตกลงระหว่างผู้เสียหายและจำเลยตามรายงานกระบวนพิจารณา มีข้อตกลงว่าหากจำเลยชำระเงินตามฟ้องแก่ผู้เสียหายเรียบร้อยแล้ว ผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยและจะถอนคำร้องทุกข์ต่อไป แต่หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ผู้เสียหายจะแจ้งให้โจทก์ดำเนินคดีต่อไป ข้อตกลงดังกล่าวนี้ ผู้เสียหายกับจำเลยแถลงต่อศาลร่วมกัน ศาลชั้นต้นจึงจำหน่ายคดีชั่วคราว ข้อตกลงดังกล่าวนี้กระทำต่อหน้าศาลและศาลอนุญาตให้เป็นไปตามข้อตกลง ย่อมผูกพันผู้เสียหายและจำเลยที่ต้องปฏิบัติตาม เมื่อจำเลยได้ชำระเงินแก่ผู้เสียหายครบถ้วนแล้วจึงต้องถือว่าสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 352 กับให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน 113,354 บาท แก่ผู้เสียหาย และนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 249/2551 หมายเลขดำ (ที่ถูก หมายเลขแดง)ที่ 610/2551 และหมายเลขดำที่ 247/2551 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ก่อนเริ่มสืบพยาน จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือนรวม 9 กระทง เป็นจำคุก 18 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งคงจำคุกกระทงละ 1 เดือน รวม 9 กระทง เป็นจำคุก 9 เดือน นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 608/2551 และ 610/2551 ของศาลชั้นต้นคำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาตรวจวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) หรือไม่ เห็นว่า ข้อตกลงระหว่างผู้เสียหายและจำเลยมีข้อตกลงว่า หากจำเลยชำระเงินตามฟ้องให้แก่ผู้เสียหายเรียบร้อยแล้วผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลย และจะถอนคำร้องทุกข์ต่อไป แต่หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว ผู้เสียหายจะแจ้งให้โจทก์ดำเนินคดีต่อไป ข้อตกลงดังกล่าวนี้ ผู้เสียหายและจำเลยแถลงต่อศาลร่วมกัน โดยมีข้อตกลงว่าหากจำเลยชำระเงินครบ113,354 บาท ผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีกับจำเลยและจะถอนคำร้องทุกข์ซึ่งศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีความผิดส่วนตัว จึงให้โอกาสจำเลยปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวโดยจำหน่ายคดีชั่วคราว ทั้งระบุว่าหากจำเลยไม่ผ่อนชำระเงินให้แก่ผู้เสียหายตามข้อตกลงหรือผ่อนชำระแล้วเสร็จ ก็ให้โจทก์หรือผู้เสียหายยื่นคำแถลงต่อศาลเพื่อยกคดีขึ้นพิจารณาพิพากษาหรือถอนคำร้องทุกข์ต่อไป ข้อตกลงดังกล่าวนี้กระทำต่อหน้าศาลและศาลอนุญาตให้เป็นไปตามข้อตกลง จึงย่อมผูกพันผู้เสียหายและจำเลยที่จะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว เมื่อปรากฏตามคำร้องของผู้เสียหาย ว่าจำเลยได้ชำระเงินให้แก่ผู้เสียหายครบถ้วนตามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว จึงต้องถือว่าสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) แล้ว เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นอีก ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share