คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2552

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยเข้ามาทางด้านหลังแล้วจูบศรีษะโจทก์ร่วมโดยโจทก์ร่วมไม่ยินยอมถือได้ว่าโจทก์ร่วมถูกจำเลยกระทำอนาจารโดยโจทก์ร่วมอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ตาม ป.อ. มาตรา 278

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางกนกวรรณ หิรัญวัฒนะ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 4,000 บาท จำเลยเป็นข้าราชการเคยทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติมาก่อน ไม่ปรากฏว่าเคยต้องโทษจำคุกและเป็นความผิดเพียงเล็กน้อย จึงเห็นควรให้โอกาสจำเลยสักครั้ง โดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี หากไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนค่าปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่า จำเลยกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายแก่กายโจทก์ร่วมโดยใช้มือจับศีรษะโจทก์ร่วมดังฟ้องจึงขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 นั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น การที่จำเลยเข้ามาทางด้านหลังแล้วจูบศีรษะโจทก์ร่วมโดยโจทก์ร่วมไม่ยินยอมถือได้ว่าโจทก์ร่วมถูกจำเลยกระทำอนาจารโดยโจทก์ร่วมอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ จึงครบองค์ประกอบความผิดตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ส่วนที่จำเลยนำสืบปฏิเสธว่าจำเลยมิได้กระทำอนาจารโจทก์ร่วม จำเลยเพียงแต่ทะเลาะโต้เถียงกับโจทก์ร่วมนั้น เห็นว่า ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share