คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยิงผู้ตายแล้วยังย้อนกลับมายิงอีก 2 นัด ก็เพื่อให้ตายแน่ จะฟังว่าเป็นการแสดงความทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) ยังไม่ถนัด
จำเลยยิงคนตายไปถึง 2 คน ชั้นแรกยิงคนละ 2 นัดและยังไล่ยิง จ. อีกยิงในร้านกาแฟในตลาดข้างทางซึ่งมีคนสัญจรไปมาในเวลาเช้า แล้วยังกลับมายิงผู้ตายซ้ำอีก 2 นัด แม้จำเลยจะไม่หลบหนีแต่ยอมมอบตัวต่อตำรวจโดยดี และรับว่ายิงผู้ตายจริง แต่จำเลยโยนมีดของจำเลยลงไปที่ผู้ตายแกล้งทำหลักฐานว่าผู้ตายแทงจำเลย แต่เมื่อพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานหนาแน่นมั่นคงไม่มีทางต่อสู้คดีได้สำเร็จ จำเลยจึงต้องจำนนและรับสารภาพต่อศาล แต่ก็ยังบ่ายเบี่ยงว่าผู้ตายทั้ง 2 คนหาเรื่องยั่วเย้าจำเลยก่อน มิได้ยิงซ้ำอีก 2 นัดซึ่งไม่เป็นความจริงดังนี้ ไม่มีเหตุบรรเทาโทษจำเลย
(ปัญหาตามวรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 31/2509)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีปืนพกรีวอลเวอร์ ไม่มีเครื่องหมายของเจ้าพนักงานกับกระสุนหนึ่งนัด มิได้รับใบอนุญาต จำเลยใช้ปืนนี้ยิงนายหลิ่น นายห่อ โดยเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานและกระทำทารุณโหดร้าย นายหลิ่น นายห่อตาย จำเลยยิงนายจ๊วยโดยเจตนาฆ่าจำเลยเคยต้องโทษ ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289, 80, 92 และพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ

จำเลยให้การรับสารภาพว่ามีอาวุธปืนและยิงนายหลิ่น นายห่อแต่ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน ไม่ใช่ทรมานหรือทารุณโหดร้าย มิได้ยิงนายจ๊วย และรับว่าเคยต้องโทษ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 289(5) พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ลงโทษตามมาตรา 289(5)ให้ประหารชีวิตจำเลย ริบอาวุธปืน และกระสุนของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม จำคุกจำเลยตลอดชีวิตข้อหาฐานพยายามฆ่านายจ๊วยให้ยก

อัยการ โจทก์ร่วม และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไล่ยิงนายจ๊วย มีเจตนาฆ่าและเห็นว่าจำเลยหวนกลับมายิงนายหลิ่นอีก 2 นัด ก็เพื่อให้นายหลิ่นตายแน่ ยังไม่ถึงกับจะฟังว่าเป็นการแสดงความทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) ได้ถนัด ความผิดของจำเลยต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 พฤติการณ์แห่งการกระทำซึ่งจำเลยยิงตายถึง 2 คน ชั้นแรกยิงคนละ 2 นัด และยังไล่ยิงนายจ๊วยอีกยิงในร้านกาแฟในตลาดข้างทาง มีคนสัญจรไปมาในเวลาเช้า 7 นาฬิกาแล้วยังกลับมายิงซ้ำอีก 2 นัด แม้จะไม่ถึงกับเป็นการทารุณโหดร้ายก็แสดงลักษณะของจิตใจที่ไม่คำนึงถึงชีวิตผู้อื่น ฯลฯ สมควรแก่โทษประหารชีวิต ที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้จำเลยตามมาตรา 78 โดยเห็นว่าจำเลยไม่หลบหนี แต่ยอมมอบตัวต่อตำรวจโดยดี และรับว่าได้ยิงผู้ตายจริง นั้น ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า จำเลยไม่หลบหนีก็เพราะได้เตรียมการต่อสู้คดีไว้โดยโยนมีดของจำเลยลงไปที่นายหลิ่นแกล้งทำหลักฐานว่านายหลิ่นแทงจำเลยก่อน แต่เมื่อพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานหนาแน่นมั่นคง ไม่มีทางต่อสู้คดีได้สำเร็จจำเลยจึงต้องจำนนและรับสารภาพต่อศาล แต่ยังบ่ายเบี่ยงว่านายห่อ นายหลิ่นหาเรื่องยั่วเย้าจำเลยก่อน และมิได้ยิงนายหลิ่นซ้ำอีก 2 นัด ซึ่งไม่เป็นความจริง ศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีเหตุบรรเทาโทษแก่จำเลย

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้ประหารชีวิตจำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share