แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยอยู่ที่ปากถ้ำที่เกิดเหตุ เจ้าพนักงานพบคนร้ายมีกระบือผูกอยู่ในถ้ำ จำเลยเพียงแต่ดูกระบือ ตั้งใจจะซื้อ ยังไม่ตกลงจะซื้อก็ถูกจับ ยังไม่เป็นความผิดฐานรับของโจร
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ตามข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบคงได้ความแต่เพียงว่า หลังจากที่เจ้าพนักงานตำรวจยิงต่อสู้กับคนร้ายแล้ว เจ้าพนักงานตำรวจพบจำเลยยืนอยู่บริเวณปากถ้ำที่เกิดเหตุ และพบกระบือ 2 ตัวที่ถูกคนร้ายลักไปผูกอยู่ที่ในถ้ำเท่านั้น โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นประจักษ์ว่า จำเลยได้ช่วยซ่อนเร้นช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อรับจำนำ หรือรับไว้โดยประการอื่น ซึ่งกระบือที่ถูกลักนั้นแต่ประการใด แต่จำเลยนำสืบว่าเหตุที่จำเลยไปอยู่ที่บริเวณถ้ำเสือที่เกิดเหตุนั้น เพราะผู้ตายกับพวกไปบอกขายกระบือให้จำเลย ขณะที่จำเลยไปหาซื้อกระบือและพักอยู่ที่บ้านนายสีแพงผู้ใหญ่บ้านนั้น จำเลยจึงออกจากบ้านไปกับผู้ตายและพวกเพื่อดูกระบือที่บอกขาย จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงและจับกุม พยานจำเลยมีตัวจำเลยกับนายสีแพงผู้ใหญ่บ้าน และนายฉลอง ชื่นใจเบิกความถึงเรื่องผู้ตายกับพวกบอกขายกระบือและพาจำเลยออกจากบ้านไปดูกระบือตรงกัน กับได้ความตามคำเบิกความของนายฮี เชิดชัย ผู้เสียหายและจ่าสิบตำรวจประสงค์ คงรอด ผู้จับกุมจำเลยซึ่งเป็นพยานโจทก์ว่า เมื่อจับจำเลยได้นั้นพบเงินที่จำเลย 960 บาท และจำเลยแจ้งว่าไปที่ถ้ำนั้นเพื่อดูกระบือที่ผู้ตายกับพวกบอกขาย จำเลยให้การยืนยันเช่นนี้ตลอดมาทั้งที่ให้การต่อร้อยตำรวจโทศักดา โต๊ะจงมล ผู้บังคับหมวดตำรวจตระเวนชายแดน 320 และต่อร้อยตำรวจเอกมณี พูนสุวรรณ พนักงานสอบสวน ข้อเท็จจริงจึงเชื่อได้ว่าในขณะที่จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมตัวนั้น จำเลยยังมิได้รับกระบือ2 ตัวนั้นไว้ยึดถือหรือครอบครอง จำเลยเพียงแต่ตั้งใจจะซื้อกระบือ แต่ยังไม่ทันได้ตกลงซื้อก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมเสียก่อน จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานรับของโจรดังโจทก์ฟ้อง”
พิพากษายืน