คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1607/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถังส้วมที่ใช้เป็นที่เก็บอุจจาระก็มีสภาพและลักษณะเช่นเดียวกับหลุมรับน้ำโสโครกนั่นเอง จึงรวมอยู่ในความหมายของคำว่า หลุมรับน้ำโสโครกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1342 ด้วย
เจ้าของที่ดินหรือเจ้าของอาคารไม่มีสิทธิจะสร้างหลุมส้วมใกล้แนวเขตที่ดินข้างเคียงภายในระยะสองเมตร ไม่ว่าจะสร้างให้แข็งแรงถูกสุขลักษณะอย่างไรก็ตาม เพราะเป็นการต้องห้ามโดยเด็ดขาดตามมาตรา 1342 วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1621 มีเขตติดต่อทิศใต้ติดกับที่ดินของจำเลย จำเลยได้ปลูกสร้างอาคารตึกแถว 2 ชั้นเลขที่ 123 ใกล้ชิดติดแนวที่ดินโจทก์ทางด้านทิศใต้ จำเลยไม่มีสิทธิและจงใจละเมิดแดนกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ได้ทำการขุดดินเป็นบ่อตั้งหลุมส้วมสำหรับถ่ายอุจจาระเป็นหลุมรับสิ่งโสโครกทางด้านหลังทางทิศเหนือของที่ดินจำเลย กว้างประมาณ 3 ศอก ยาวประมาณ 3 ศอก ลึกประมาณ1 วา 2 ศอก ห่างแนวเขตที่ดินโจทก์ทางทิศใต้ประมาณ 40 เซนติเมตรโดยโจทก์ไม่ทราบและไม่ยินยอมอนุญาต เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ทำให้นำโสโครกซึมเข้าไปในที่ดินของโจทก์ และจำเลยกระทำโดยไม่มั่นคงถาวร สิ่งก่อสร้างที่ปิดกั้นหลุมส้วมที่จำเลยขุดไว้แตกออกส่งกลิ่นเหม็น ขอให้จำเลยถมดินกลบหลุมส้วมที่ขุดแล้วกระทุ้งให้แน่นตามสภาพเดิมภายในระยะ 2 เมตรห่างจากแนวเขตที่ดินโจทก์ทางด้านทิศใต้

จำเลยให้การว่า จำเลยปลูกห้องแถวเลขที่ 123 ในที่ดินของจำเลยโดยเฉพาะห้องส้วม จำเลยได้ขออนุญาตปลูกสร้างตามแผนผังของทางราชการ และอยู่ในความควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามระเบียบแผนผังของบ้านเมืองตลอดกระทั่งสุขลักษณะ แม้ว่าส้วมดังกล่าวจะตั้งเข้ามาในรัศมี 2 เมตรของแดนประชิดที่ดิน ก็ไม่เดือดร้อนแก่ใคร เหตุฟ้องร้องเพราะสาเหตุเกี่ยวกับเขตที่ดินติดต่อกัน และจำเลยมิได้เป็นเจ้าของอาคารที่โจทก์ฟ้อง เป็นเพียงผู้อาศัยนางจุยกา แซ่ล้อเป็นเจ้าของ ขอให้ยกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนจำเลย

โจทก์ขอให้เรียกนางจุยกา แซ่ล้อเข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต

นางจุยกา แซ่ล้อ ให้การว่า เป็นเจ้าของอาคารห้องแถวเลขที่ 123ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของจำเลย และให้การต่อไปทำนองเดียวกับจำเลย

ในวันดูแผนที่พิพาท จำเลยแถลงรับว่า จำเลยได้อนุญาตให้จำเลยร่วมปลูกสร้างห้องแถวเลขที่ 123 ห้องส้วมและหลุมส้วมในที่ดินของจำเลยประชิดแนวเขตที่ดินของโจทก์ตามคำฟ้อง คู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมาย 2 ข้อ คือ

1. จำเลยทั้งสองมีสิทธิสร้างส้วมใกล้แนวเขตที่ดินของโจทก์ภายในระยะสองเมตรได้หรือไม่ และ

2. แม้จะมีกฎหมายระบุห้ามไว้ตามข้อ 1 ถ้าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังไม่ให้น้ำโสโครกซึมเข้าไปในที่ดินของโจทก์ และส้วมไม่ส่งกลิ่นเหม็นดังที่จำเลยต่อสู้ จำเลยจะมีสิทธิสร้างส้วมภายในระยะสองเมตรได้หรือไม่

โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยหรือจำเลยร่วมหรือจำเลยทั้งสองเอาดินถมหลุมรับน้ำโสโครกและถังส้วมตามคำฟ้องโจทก์ แล้วกระทุ้งให้แน่นมีสภาพเดิมภายในระยะสองเมตร ห่างจากแนวเขตที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศใต้

จำเลยและจำเลยร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยและจำเลยร่วมฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยข้อกฎหมาย 2 ข้อตามที่คู่ความประสงค์แล้วว่า จำเลยไม่มีสิทธิจะสร้างส้วมใกล้แนวเขตที่ดินของโจทก์ภายในระยะสองเมตร ไม่ว่าจำเลยจะสร้างส้วมให้แข็งแรงถูกสุขลักษณะอย่างไรก็ตาม อันเป็นการต้องห้ามโดยเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1342 วรรคแรกแล้วศาลย่อมจะพิพากษาให้จำเลยกลบหลุมส้วมนั้นได้ โจทก์ไม่จำต้องนำสืบข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ และโจทก์เสียหายหรือไม่ต่อไปอีกดังที่จำเลยและจำเลยร่วมฎีกา ข้อที่จำเลยและจำเลยร่วมฎีกาว่า หลุมรับน้ำโสโครกตามบทมาตราดังกล่าวจะหมายถึงส้วมถังในคดีนี้ด้วยหรือไม่นั้น เห็นว่า ถังส้วมที่ใช้เป็นที่เก็บอุจจาระก็มีสภาพและลักษณะเช่นเดียวกับหลุมรับน้ำโสโครกนั่นเอง ถังส้วมดังกล่าวจึงรวมอยู่ในความหมายของคำว่า หลุมรับน้ำโสโครกด้วย ฎีกาของจำเลยและจำเลยร่วมฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน โจทก์ไม่แก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความให้

Share