แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มอบรถยนต์ของโจทก์พร้อมด้วยทะเบียนรถและใบโอนรถซึ่งมีลายมือชื่อโจทก์ในช่องผู้โอน ให้ส.นำไปขายผู้อื่นแล้วส.นำรถยนต์ไปจำนำไว้กับจำเลยผู้ซึ่งรับจำนำไว้โดยสุจริต การกระทำของโจทก์ถือได้ว่าเป็นการเชิดส.ให้เป็นตัวแทนของโจทก์ ฉะนั้น โจทก์จะติดตามเอารถยนต์คืนโดยไม่ไถ่ถอนการจำนำก่อนหาได้ไม่จำเลยมีสิทธิยึดรถยนต์ไว้ได้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้จนครบถ้วน
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อเบ็นซ์ 300 นายสอิ้ง มารังกูล ได้หลอกลวงเอารถยนต์คันดังกล่าวของโจทก์ไปแล้วรถยนต์ของโจทก์ได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของจำเลยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาเดือนธันวาคม พ.ศ. 2501 จำเลยยื่นฟ้องโจทก์ใจความว่า โจทก์ได้โอนกรรมสิทธิ์รถยนต์คันดังกล่าวให้แก่นายสอิ้งแต่นายสอิ้งมิได้ไปแจ้งรับโอนรถต่อนายทะเบียนยานพาหนะ กลับนำรถยนต์มาขายจำเลย ขอให้ศาลบังคับให้โจทก์ถอนชื่อจากทะเบียนรถแล้วใส่ชื่อจำเลยแทน ศาลฎีกาพิพากษาว่า การซื้อขายระหว่างโจทก์กับนายสอิ้งยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการซื้อขายเด็ดขาด จำเลยจึงยังหาได้กรรมสิทธิ์ในรถคันพิพาทไม่ พิพากษายกฟ้อง
เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้ว โจทก์ได้มอบให้ทนายเรียกรถคืนพร้อมทั้งค่าเสียหาย แต่จำเลยไม่ยอมคืนรถและไม่ยอมใช้ค่าเสียหายรถยนต์ของโจทก์มีราคา 100,000 บาท ขอให้จำเลยคืนรถยนต์เบ็นซ์ 300 ให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ถ้าไม่สามารถคืนรถให้โจทก์ในสภาพดังกล่าวได้ก็ให้จำเลยใช้ราคารถ 100,000 บาท กับใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ด้วย
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ขายรถคันพิพาทให้นายสอิ้ง หาใช่นายสอิ้งหลอกลวงเอารถของโจทก์ไปไม่ ต่อมาเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2501 นายสอิ้งได้ขายรถคันพิพาทให้จำเลยเป็นเงิน 50,000 บาท จำเลยรับซื้อรถไว้โดยสุจริตและมีค่าตอบแทน จำเลยได้ไปจัดการขอโอนทะเบียนรถเจ้าพนักงานยานพาหนะแจ้งว่ายังขาดลายมือชื่อโจทก์จำเลยขอให้โจทก์ลงลายมือชื่อหรือให้ไปทำการโอน โจทก์ไม่ยินยอมจำเลยจึงต้องฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษาว่าการซื้อขายรถยนต์คันพิพาทระหว่างนายสอิ้งกับจำเลยเป็นลักษณะจำนำกัน พิพากษายกฟ้อง โดยผลแห่งคำพิพากษาฎีกาดังกล่าว จำเลยจึงมีฐานะเป็นผู้รับจำนำรถยนต์คันพิพาทตามราคาที่จำเลยจ่ายเงินไป 50,000 บาท โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย เพราะรถคันพิพาทตกมาอยู่ในความครอบครองของจำเลยเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของโจทก์ และจำเลยมีสิทธิยึดหน่วงรถไว้ในฐานะผู้รับจำนำ รถยนต์คันพิพาทราคาอย่างสูงไม่เกิน 50,000 บาท
จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์และนายสอิ้งร่วมกันรับผิด โดยจำเลยอ้างว่าได้บอกกล่าวให้โจทก์และนายสอิ้งไถ่ถอนการจำนำ ชำระดอกเบี้ยและค่ารักษารถ แต่โจทก์และนายสอิ้งก็ไม่จัดการ ทั้งไม่เคยส่งดอกเบี้ยให้แก่จำเลย จึงขอให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์และนายสอิ้งร่วมกันไถ่ถอนรถยนต์คันพิพาท ชำระดอกเบี้ยและค่ารักษารถ
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องแย้งในส่วนที่ฟ้องนายสอิ้ง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ศาลฎีกาไม่ได้ชี้ขาดว่าเป็นเรื่องจำนำ เพียงแต่อ้างเป็นเหตุสนับสนุนว่า การกระทำระหว่างจำเลยกับนายสอิ้งไม่เป็นซื้อขายเด็ดขาด เมื่อจำเลยให้การเป็นเรื่องซื้อขายแล้ว จะมาฟ้องแย้งเป็นเรื่องจำนำไม่ได้ ทั้งโจทก์ก็เป็นบุคคลภายนอกของนิติกรรมที่จำเลยอ้างว่าเป็นจำนำ และจำเลยไม่เคยเสียค่ารักษารถ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยเป็นคู่ความเดียวกันในคดีที่ศาลฎีกาพิพากษาคำพิพากษาฎีกาจึงผูกพันโจทก์จำเลยในคดีนี้ศาลจึงต้องฟังข้อเท็จจริงว่า กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันพิพาทยังอยู่ที่โจทก์ ดังนั้นเมื่อนายสอิ้งไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ จำเลยผู้รับโอนจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์และไม่มีสิทธิยึดหน่วงหรือครอบครองรถยนต์คันพิพาทได้ต่อไป โจทก์มีอำนาจติดตามเอาคืนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 จำเลยต้องคืนรถให้โจทก์ โจทก์ไม่จำต้องชดใช้ราคาที่จำเลยเสียไปแต่อย่างใด เพราะกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมายในอันที่จะให้จำเลยเรียกเงินชดใช้ราคาที่จำเลยออกไปได้ และข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยรับซื้อหรือรับจำนำรถคันพิพาทไว้โดยสุจริตโดยไม่ทราบถึงความบกพร่องแห่งสิทธิหรือการกระทำอันเป็นการผิดต่อกฎหมาย ฉะนั้น การที่จำเลยใช้รถยนต์ตามความจำเป็น จึงไม่เป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อผิดกฎหมายต่อสิทธิของโจทก์แต่อย่างใดไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายใด ๆ จากจำเลย ศาลคำนวณราคารถคันพิพาทเป็นเงิน 50,000บาท เนื่องจากนายสอิ้งโอนรถคันพิพาทให้จำเลยโดยไม่มีอำนาจ โจทก์จำเลยไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใด ๆ เกี่ยวกับรถยนต์คันพิพาท และจำเลยฟ้องขอให้ศาลบังคับโจทก์ให้ทำการไถ่ถอนรถคันพิพาทไม่ได้ เพราะโจทก์มีสิทธิติดตามเอาคืน จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ใช้ค่าดูแลรักษา พิพากษาให้จำเลยคืนรถยนต์ยี่ห้อเบ็นซ์ 300 ให้โจทก์ในสภาพที่เรียบร้อย ถ้าจำเลยไม่สามารถคืนได้ ก็ให้จำเลยใช้ค่ารถให้แก่โจทก์เป็นเงิน 50,000 บาท คำขอของโจทก์นอกนั้นกับคำฟ้องแย้งของจำเลยให้ยกเสีย
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์มอบรถคันพิพาทพร้อมทั้งกุญแจรถและเอกสารต่าง ๆ ให้นายสอิ้งไป แล้วนายสอิ้งได้นำรถคันพิพาทไปจำนำไว้กับจำเลย ซึ่งจำเลยได้รับจำนำไว้โดยสุจริต โจทก์ผู้เป็นเจ้าของรถจะติดตามเอาคืนโดยไม่ไถ่ถอนหาได้ไม่ ส่วนราคารถคันพิพาทที่ศาลชั้นต้นกะไว้ 50,000 บาทนั้น เป็นราคาที่สมควรแล้วพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์และคำฟ้องแย้งของจำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยในคดีนี้เป็นคู่ความเดียวกันในคดีก่อน ดังนั้น คำพิพากษาของศาลฎีกาคดีก่อนจึงผูกพันโจทก์จำเลยคดีนี้ ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังตามที่ศาลฎีกาคดีก่อนวินิจฉัยชี้ขาดมาแล้วว่านายสอิ้งนำรถคันพิพาทไปจำนำไว้กับจำเลย นอกจากนี้ข้อเท็จจริงในท้องสำนวนยังฟังได้ต่อไปอีกว่า โจทก์ยอมให้นายสอิ้งนำรถไปบอกขายแก่ผู้อื่น โดยได้มอบรถคันพิพาทพร้อมทั้งสมุดคู่มือการใช้รถ ทะเบียนรถ ซึ่งมีใบโอนรถ มีชื่อโจทก์เซ็นชื่อไว้ในช่องผู้โอน ให้นายสอิ้งไป การกระทำของโจทก์ดังกล่าวจึงเข้าลักษณะเชิดนายสอิ้งเป็นตัวแทนของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 821 เมื่อจำเลยรับรถคันพิพาทพร้อมทั้งเอกสารและจ่ายเงินค่ารถให้นายสอิ้งเป็นตัวแทนของโจทก์ โจทก์จะเอารถคืนจากจำเลยโดยไม่จัดการไถ่ถอนการจำนำก่อนหาได้ไม่ จำเลยมีสิทธิยึดรถคันพิพาทซึ่งเป็นของจำนำไว้ได้ จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วน และจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
พิพากษายืน