คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1600/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามใบตอบรับไปรษณีย์ระบุว่า ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อของโจทก์ถึงจำเลยที่ 1 ที่บ้านพักนายตำรวจสถานีตำรวจทางหลวงบางปะกง แต่จำเลยที่ 1 ได้ย้ายไปประจำที่อื่นก่อนที่จะได้มีการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้ว การส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่จำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบ ดังนั้น เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์มีความมุ่งหมายที่จะบังคับให้จำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์อันเป็นผลที่เนื่องมาจากการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 และแม้โจทก์จะได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่จำเลยที่ 2 แล้วก็ตาม แต่จำเลยที่ 2 มีฐานะเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วยเช่นกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1ได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อแก่โจทก์รวม 8 เดือน แล้วผิดนัดไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อนับแต่งวดเดือนสิงหาคม 2526 เป็นต้นไป โจทก์ได้บอกเลิกสัญญากับจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 1 ต้องส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ แต่จำเลยที่ 1 เพิกเฉย ทำให้โจทก์เสียหายขาดประโยชน์ที่อาจให้บุคคลอื่นเช่าในอัตราเดือนละ 2,000 บาทนับแต่วันผิดนัดถึงวันฟ้องเป็นเวลา 26 เดือน เป็นเงิน 52,000 บาทและหากจำเลยที่ 1 คืนรถยนต์ที่เช่าซื้อไม่ได้ต้องชดใช้เงิน167,692 บาท จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย หากคืนไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ราคารถยนต์เป็นเงิน 167,692 บาท แก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 52,000 บาท กับใช้ค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะได้ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อหรือใช้ราคารถยนต์แทนแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวของทนายโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากส่งมอบคืนไม่ได้ให้ร่วมกันชำระราคาเป็นเงิน 100,000 บาท และในกรณีส่งมอบรถยนต์พิพาท ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ จำนวน39,000 บาท กับค่าเสียหายเดือนละ 1,500 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะส่งมอบรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าหากจำเลยทั้งสองส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อไม่ได้ให้ร่วมกันชำระราคา108,888.80 บาท แก่โจทก์และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ 52,000 บาท กับค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนหรือจนกว่าจะชำระราคารถยนต์แก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยทั้งสองฎีกาข้อต่อไปว่า จำเลยที่ 1ไม่เคยได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อจากโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่าตามใบตอบรับไปรษณีย์ระบุว่า ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อถึงจำเลยที่ 1 ที่บ้านพักนายตำรวจสถานีตำรวจทางหลวงบางปะกงตำบลบางปะกง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.5 ล.6 ล.7 และ ล.8 ว่า จำเลยที่ 1 ได้ย้ายไปประจำที่อื่น ก่อนที่จะได้มีการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้วการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่จำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบ ดังนั้นเมื่อตามคำฟ้องของโจทก์มีความมุ่งหมายที่จะบังคับให้จำเลยที่ 1รับผิดต่อโจทก์อันเป็นผลที่เนื่องมาจากการบอกเลิกสัญญา แต่ปรากฏว่าการบอกเลิกสัญญากระทำโดยไม่ชอบดังวินิจฉัยมาแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 1 และแม้โจทก์จะได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่จำเลยที่ 2 แล้วก็ตาม แต่จำเลยที่ 2 มีฐานะเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2ด้วยเช่นกัน”
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share