คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1599/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ในคดีอาญา การใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อ. ภาค 4 ลักษณะ 1 โดยมาตรา 193 วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติเรื่องการอุทธรณ์ไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่าให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ ดังนั้น จึงนำ ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ มาใช้บังคับโดยอนุโลมไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า จำเลยทั้งสามเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีอาญาขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 177
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดไต่สวนมูลฟ้อง แล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ นั้น เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีอาญา การใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ภาค 4 ลักษณะ 1 โดยมาตรา 193 วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติเรื่องการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่า ให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ กรณีเช่นนี้จึงนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ มาใช้บังคับโดยอนุโลมไม่ได้ ชอบที่จะต้องยกคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาของโจทก์ทั้งสองนั้นเสีย”
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาของโจทก์ทั้งสองเสีย ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 วรรคสอง แล้วดำเนินการต่อไป

Share