คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1598/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะเกิดเหตุผู้ตายเรียกจำเลยไปหา กล่าวหาว่าจำเลยขัดขวางผู้ตายและพูดเป็นทำนองจะฆ่าจำเลย. พร้อมทั้งชักปืนจะยิงจำเลยก่อนในระยะใกล้เพียง 2 ศอก. จำเลยจึงยิงโต้ตอบผู้ตายในขณะนั้น. ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย. และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง อันจำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน.
การทะเลาะกันด้วยวาจาแล้วฝ่ายหนึ่งทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง.ถ้าฝ่ายที่ถูกทำร้ายมิได้สมัครใจทำร้ายโต้ตอบด้วย. ฝ่ายที่ถูกทำร้ายย่อมป้องกันสิทธิของตนได้โดยชอบด้วยกฎหมาย.เพราะเพียงทะเลาะกันด้วยวาจาไม่ทำให้ฝ่ายหนึ่งทำร้ายร่างกายหรือชีวิตของอีกฝ่ายหนึ่งได้โดยชอบ. ต่อเมื่อฝ่ายหลังสมัครใจทำร้ายโต้ตอบ. จึงจะเป็นเรื่องต่างฝ่ายต่างสมัครใจซึ่งกันและกันอันเป็นการละเมิดต่อกฎหมายด้วยกัน.ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจึงจะอ้างว่ากระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายมิได้.
บริเวณที่เกิดเหตุเป็นที่โล่ง เมื่อผู้ตายชักปืนจะยิงจำเลย. จำเลยกระโดดหนีไปข้างหลังผู้ตายในระยะใกล้. เห็นได้ว่าจำเลยยังไม่พ้นภยันตรายที่จะถูกผู้ตายยิง. ในเวลาฉุกละหุกเช่นนี้จำเลยย่อมตัดสินใจกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนได้ตามควรแก่กรณีโดยไม่จำต้องวิ่งหนี. การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุกรณีเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งผู้กระทำไม่มีความผิด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนอันเป็นปืนไม่มีเลขทะเบียนเครื่องหมายของเจ้าพนักงานยิงนายสมบูรณ์รวม 2 นัดถึงแก่ความตายโดยเจตนา ขอให้ลงโทษในข้อหาฆ่าผู้อื่นและมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 จำเลยต่อสู้ว่ากระทำไปโดยป้องกันตัว ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายยิงผู้ตายข้างเดียวในระยะใกล้กันเพียง 2 ศอก โดยไม่เชื่อว่าผู้ตายจะใช้อาวุธปืนยิงจำเลยก่อนตามคำประจักษ์พยานโจทก์ซึ่งเจตนาปกปิดการกระทำของจำเลยพฤติการณ์ไม่เป็นการป้องกันตัวดังที่ต่อสู้ และฟังว่ามีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองตามที่โจทก์กล่าวหาอีกข้อหาหนึ่งด้วยพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ซึ่งเป็นกระทงหนักโดยให้จำคุกไว้15 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงยืนตามศาลชั้นต้น แต่เห็นว่าคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนและชั้นศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามากลดโทษให้ 7 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกไว้ 8 ปีนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกาในข้อดุลพินิจลดโทษ ส่วนจำเลยฎีกาตามที่ต่อสู้มาแต่ต้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าขณะเกิดเหตุผู้ตายเรียกจำเลยไปหาและกล่าวหาว่าขัดขวางผู้ตายและพูดเป็นทำนองจะฆ่าจำเลยพร้อมทั้งชักปืนจะยิงจำเลยก่อนในระยะใกล้เพียง 2 ศอก จำเลยจึงยิงผู้ตายในขณะนั้น ย่อมถือได้ว่าเป็นการป้องกันภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงการทะเลาะกันด้วยวาจาแล้วฝ่ายหนึ่งทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าฝ่ายที่ถูกทำร้ายมิได้สมัครใจทำร้ายโต้ตอบด้วย ฝ่ายที่ถูกทำร้ายย่อมป้องกันสิทธิของตนได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะเพียงทะเลาะกันด้วยวาจาไม่ทำให้ฝ่ายหนึ่งทำร้ายร่างกายหรือชีวิตของอีกฝ่ายหนึ่งได้โดยชอบ ต่อเมื่อฝ่ายหลังสมัครใจทำร้ายโต้ตอบ จึงจะเป็นเรื่องต่างฝ่ายต่างสมัครใจซึ่งกันและกันอันเป็นการละเมิดต่อกฎหมายด้วยกัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจึงจะอ้างว่ากระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายมิได้ บริเวณที่เกิดเหตุเป็นที่โล่ง การที่จำเลยกระโดดหนีไปอยู่ทางข้างหลังผู้ตายในระยะใกล้ยังไม่ทำให้จำเลยพ้นจากภยันตรายที่จะถูกผู้ตายยิง แม้จำเลยจะยิงผู้ตายทางข้างหลังขณะนั้น แต่ในเวลาฉุกละหุกเช่นนี้ จำเลยย่อมตัดสินใจกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนได้ตามควรแก่กรณีโดยไม่จำต้องวิ่งหนี การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุกรณีเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งผู้กระทำไม่มีความผิดเมื่อจำเลยไม่มีความผิดในข้อหาฐานนี้จึงต้องพิจารณากำหนดโทษในความผิดฐานมีอาวุธปืน ซึ่งยุติไปแล้วแต่ศาลชั้นต้นซึ่งลงโทษเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ซึ่งเป็นกระทงหนักพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องในข้อหาฐานฆ่าผู้อื่น และให้ปรับจำเลย 500บาทตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72.

Share