คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1593/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การฟ้องคดีล้มละลายมิใช่เป็นเรื่องที่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องเพื่อให้จำเลยหรือลูกหนี้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้โดยเฉพาะเจาะจง แต่เป็นการฟ้องเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั่วไป แม้จำเลยที่ 3 จะชำระเงินให้แก่โจทก์ และโจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 3 ก็ตาม ก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 3 มิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั่วไปจึงไม่สมควรอนุญาตให้โจทก์ถอนฎีกา

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1ถึงที่ 3 และที่ 7 เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4 ถึงที่ 6

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1ถึงที่ 3 และที่ 7 เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จและส่งไปศาลชั้นต้นเพื่อนัดฟังแล้ว

โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 3 ได้นำเงินจำนวน 900,000 บาท มาชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับจำเลยที่ 3 ต่อไป จึงขอถอนฎีกาเฉพาะจำเลยที่ 3

ศาลชั้นต้นสอบทนายจำเลยที่ 3 แล้ว แถลงไม่คัดค้าน

ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “พิเคราะห์แล้ว การฟ้องคดีล้มละลายมิใช่เป็นเรื่องที่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องเพื่อให้จำเลยหรือลูกหนี้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้โดยเฉพาะเจาะจงแต่เป็นการฟ้องเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั่วไป ทั้งเจ้าหนี้จะอาศัยคดีล้มละลายเป็นเครื่องบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ไม่ได้ เมื่อโจทก์ฎีกาขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 3 เด็ดขาด อันมีผลเท่ากับขอให้ศาลฎีกาพิพากษาตามคำฟ้องขอให้ล้มละลาย แม้จำเลยที่ 3 จะได้ชำระเงิน 900,000 บาทแก่โจทก์ และโจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 3 ก็ตาม ก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 3 มิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั่วไป จึงไม่สมควรอนุญาตให้โจทก์ถอนฎีกาสำหรับจำเลยที่ 3 ให้ยกคำร้อง”

Share