แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์มีข้อความระบุว่าตามที่โจทก์รับจำเลยที่ 1 ไว้เป็นพนักงานในตำแหน่ง PASSENGER SERVICE หากจำเลยที่ 1 กระทำการใดเป็นการเสียหายแก่โจทก์ไม่ว่าด้วยประการใดๆ จำเลยที่ 2 จะขอรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยที่ 1 ตามความเป็นจริง เป็นกรณี จำเลยที่ 2 ยอมผูกพันตนต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้ที่จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดความเสียหายสำหรับการทำงานในตำแหน่ง PASSENGER SERVICE จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันจึงต้องร่วมชำระหนี้กรณีจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาหรือกระทำละเมิดเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงานต่อโจทก์ในขณะจำเลยที่ 1 ทำงานในตำแหน่ง PASSENGER SERVICE เท่านั้น
ตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายการพาณิชย์มีอำนาจอนุมัติบัตรโดยสารเครื่องบินราคาพิเศษหรือบัตรโดยสารไม่คิดราคา โจทก์ย้ายตำแหน่งจำเลยที่ 1 ไปทำหน้าที่เลขานุการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายการพาณิชย์ มีหน้าที่ส่งคำสั่งอนุมัติไปให้เจ้าหน้าที่พิมพ์คำสั่งออกบัตรโดยสารราคาพิเศษ หรือรับบัตรโดยสารมาก่อนแล้วให้ผู้โดยสารมารับบัตรและชำระราคาที่จำเลยที่ 1 (จำเลยที่ 1 รับชำระราคาไว้เป็นการฝ่าฝืนระเบียบของโจทก์) เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 สามารถกระทำการทั้งในหน้าที่ตามระเบียบและฝ่าฝืนระเบียบ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงภัยและความรับผิดให้จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันมากขึ้นเกินกว่าที่ระบุไว้ในหนังสือสัญญาค้ำประกัน เมื่อจำเลยที่ 1 ทำผิดสัญญาหรือกระทำละเมิดเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงานในขณะทำหน้าที่เลขานุการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายการพาณิชย์ ไม่ใช่ในขณะทำงานตำแหน่ง PASSENGER SERVICE จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 9,794,030 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณา จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย โจทก์ยื่นคำร้องขอให้หมายเรียกนายวีรวัฒน์ ทายาทของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของจำเลยที่ 2 เข้าเป็นคู่ความแทน ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งตั้งผู้ถูกเรียกเป็นคู่ความแทน
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 9,794,030 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (17 สิงหาคม 2538) เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ส่วนคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยอุทธรณ์โจทก์ประการเดียว จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ โดยโจทก์อุทธรณ์ว่า แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเงิน และการสั่งออกบัตรโดยสารของจำเลยที่ 1 จะเป็นการกระทำนอกหน้าที่ แต่เมื่อสัญญาค้ำประกันระบุว่า จำเลยที่ 2 จะรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยที่ 1 ตามความเป็นจริงแล้ว จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันการทำงานจึงต้องรับผิดด้วย อีกทั้งตามปกติประเพณีการค้ำประกันบุคคลที่ทำงาน เมื่อมีการเลื่อนตำแหน่งหรือย้ายหน่วยงานลูกจ้าง นายจ้างไม่จำต้องแจ้งผู้ค้ำประกันแต่ประการใดนั้น เห็นว่า ตามหนังสือค้ำประกันระบุว่า “ตามที่บริษัทการบินไทย จำกัด ได้รับนางสาวจุฑารัตน์ไว้เป็นพนักงานในตำแหน่ง PASSENGER SERVICE หากนางสาวจุฑารัตน์ กระทำการอันใดเป็นการเสียหายแก่บริษัท ฯ ไม่ว่าด้วยประการใด ๆ ข้าพเจ้าจะขอรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของนางสาวจุฑารัตน์ ตามความเป็นจริง” จึงเป็นกรณีที่จำเลยที่ 2 ยอมผูกพันตนต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้ในเมื่อจำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดความเสียหายสำหรับการทำงานในตำแหน่งที่ระบุไว้ในหนังสือค้ำประกัน ดังนั้นความรับผิดที่จำเลยที่ 2 จะต้องร่วมชำระหนี้แก่โจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 จะต้องเป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาจ้างแรงงานหรือกระทำละเมิดเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงานต่อโจทก์ในขณะทำงานตำแหน่ง PASSENGER SERVICE หรือเจ้าหน้าที่บริการภาคพื้นตามที่จำเลยที่ 2 ระบุในหนังสือค้ำประกัน เมื่อปรากฏว่าผู้อำนวยการฝ่ายการพนักงานได้มีคำสั่งย้ายจำเลยที่ 1 จากเลขานุการสังกัดสำนักงานภาคพื้นประเทศไทย ไปเป็นเลขานุการรองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาด และเป็นเลขานุการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายการพาณิชย์ ซึ่งตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายการพาณิชย์เป็นผู้มีอำนาจอนุมัติบัตรโดยสารเครื่องบินราคาพิเศษหรือบัตรโดยสารไม่คิดราคา จำเลยที่ 1 ในฐานะเลขานุการจะมีหน้าที่ส่งคำสั่งอนุมัติไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อพิมพ์คำสั่งออกบัตรโดยสารราคาพิเศษ หรือรับบัตรโดยสารจากแผนกออกบัตรโดยสารมาก่อน แล้วให้ผู้โดยสารมารับบัตรและชำระราคาที่จำเลยที่ 1 อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบของโจทก์ แต่จำเลยที่ 1 ก็ยังคงปฏิบัติเรื่อยมา การที่โจทก์ย้ายตำแหน่งของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวไปทำหน้าที่เลขานุการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายการพาณิชย์ จึงเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 สามารถกระทำการทั้งในหน้าที่ตามระเบียบและฝ่าฝืนระเบียบอันเป็นการเพิ่มความเสี่ยงภัยและความรับผิดให้แก่จำเลยที่ 2 มากขึ้นเกินกว่าที่ระบุไว้ในหนังสือค้ำประกัน การกระทำผิดสัญญาจ้างแรงงานหรือกระทำละเมิดเกี่ยวกับสัญญาจ้างแรงงานของจำเลยที่ 1 จึงมิได้กระทำในขณะทำงานตำแหน่ง PASSENGER SERVICE หรือเจ้าหน้าที่บริการภาคพื้น แต่ได้กระทำในขณะทำงานตำแหน่งเลขานุการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายการพาณิชย์ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 นั้นจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน