แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลเคยอนุญาตให้ทนายจำเลยเลื่อนคดีครั้งหนึ่งแล้ว ในนัดต่อมาทนายจำเลยคนเดิมขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยและศาลอนุญาตและในวันเดียวกันนั้นจำเลยได้แต่งตั้งทนายความคนใหม่ ทนายความคนใหม่มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างว่าทนายความคนใหม่ติดว่าความที่ศาลอื่น ดังนี้เป็นกรณีจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงได้ ศาลชอบที่จะสั่งอนุญาตให้เลื่อนการนั่งพิจารณาไปได้อีกแม้จะเกินกว่าหนึ่งครั้งก็ตาม ทั้งนี้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคแรก.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญา ส่งมอบทรัพย์สินคืน หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้ราคาพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายและทรัพย์สินเป็นของจำเลย
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ก่อนแต่ในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีอ้างว่าพยานเอกสารที่โจทก์ขอให้ศาลเรียกจากบุคคลภายนอกยังไม่ส่งมาโดยไม่ทราบเหตุผล จำเลยไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นอนุญาต ครั้งที่สองมีการสืบพยานโจทก์ 1 ปาก ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีอ้างว่าเพราะตอนบ่ายทนายโจทก์ติดคดีอื่น จำเลยไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นอนุญาตครั้งที่สามสืบพยานโจทก์ได้ 2 ปาก ทนายโจทก์แถลงว่า พยานอีก 2 ปากยังส่งหมายไม่ได้ขอเลื่อนไปสืบพร้อมกับพยานจำเลยในนัดหน้า จำเลยไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นอนุญาต ครั้งที่ห้าสืบพยานโจทก์ได้ 2 ปากทนายโจทก์แถลงหมดพยาน ทนายจำเลยขอเลื่อนคดี (ไม่ปรากฏเหตุ)โจทก์ไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นอนุญาต ครั้งสุดท้ายครั้งที่หกนายวิจารณ์ เอี่ยมตระกูล ทนายคนเดิมของจำเลยขอถอนตัวจากการเป็นทนาย (ไม่ปรากฏเหตุ) ศาลชั้นต้นอนุญาต และในวันเดียวกันนั้นเองจำเลยได้แต่งตั้งนายศิริวัฒน์ โสรินทร์ เป็นทนายจำเลยคนใหม่โดยนายศิริวัฒน์มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่า ทนายจำเลยติดว่าความที่ศาลจังหวัดเลย ในคดีหมายเลขดำที่20123/2527 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดเลย โจทก์ นางเที่ยงภงภูเวช จำเลย ศาลนัดสืบพยานโจทก์ไว้ก่อนแล้วโดยนัดในวันสืบพยานจำเลยคดีนี้ กรณีเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมทนายจำเลยขอเลื่อนการพิจารณาออกไปสักนัดหนึ่ง ศาลชั้นต้นเห็นว่าตามคำร้องขอถอนตัวของนายวิจารณ์ทนายคนเดิมของจำเลยไม่ได้แสดงเหตุผลในการขอถอนตัวไว้ด้วย ทั้งคำร้องขอเลื่อนคดีของนายศิริวัฒน์ทนายคนใหม่ของจำเลยนั้น จำเลยน่าจะทราบแล้วว่าทนายคนใหม่ไม่ว่างมาศาลในวันนั้น ควรจะตั้งทนายคนอื่นได้ พฤติการณ์ของจำเลยและทนายจำเลยดังกล่าวนั้นเป็นการประวิงคดีอย่างชัดแจ้ง เพื่อจะให้คดีได้เลื่อนการพิจารณาไปนั่นเอง การขอเลื่อนของจำเลยจึงไม่มีเหตุจำเป็นและจำเลยประวิงคดี กับได้สอบถามจำเลยว่ามีพยานหรือไม่จำเลยแถลงว่าตัวจำเลยไม่ประสงค์จะเบิกความในวันนี้ เพราะเอกสารไม่พร้อมและพยานปากอื่นของจำเลยไม่มีมาศาลเลย ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี โดยให้ยกคำร้องขอเลื่อนคดีเสีย แล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนวันนัดสืบพยานจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ในการสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ได้เลื่อนคดีถึง 4 ครั้ง ในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่ห้าเมื่อโจทก์สืบพยานเสร็จ แล้วทนายจำเลยขอเลื่อนคดีโดยไม่ได้อ้างเหตุผล โจทก์ไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นก็อนุญาตครั้งที่หกซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งที่สอง เมื่อทนายคนเดิมของจำเลยขอถอนตัวและจำเลยตั้งทนายคนใหม่แทน ศาลชั้นต้นก็อนุญาต แม้การถอนตัวของทนายคนเดิมของจำเลยจะเกิดจากการขอของจำเลยหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นสิทธิโดยชอบของจำเลยที่จะกระทำได้ และการที่จำเลยจะตั้งให้ผู้ใดเป็นทนายความของตนต่อไปนั้นก็เป็นสิทธิโดยชอบของจำเลยอีกเช่นกัน ส่วนทนายคนใหม่ของจำเลยจะมาศาลในวันนัดได้หรือไม่เป็นเรื่องของทนายคนใหม่ จำเลยไม่มีสิทธิหรืออำนาจที่จะบังคับได้ หากทนายมีเหตุจำเป็นไม่สามารถมาศาลได้ ศาลก็จะสั่งเลื่อนคดีไปได้เท่าที่จำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ แม้จะเกินกว่าหนึ่งครั้งก็ตาม ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคแรก คดีนี้ตามคำร้องของทนายคนใหม่ของจำเลยก็ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่ามาศาลในวันนัดนั้นไม่ได้เพราะติดว่าความที่ศาลจังหวัดเลยซึ่งได้นัดไว้ก่อนแล้ว ทั้งโจทก์ก็ไม่คัดค้านหากศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่าเป็นความจริง ก็ชอบที่จะไต่สวนหาความจริงได้ไม่ยาก จะถือเอาว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าทนายคนใหม่ของจำเลยติดว่าความในคดีอื่นอยู่ก่อนแล้วยังขืนตั้งให้เป็นทนายอีก มาเป็นเครื่องชี้ว่าจำเลยจงใจเพื่อไม่ให้มีทนายจำเลยดำเนินคดีในวันนัดและการเลื่อนคดีของทนายจำเลยคนใหม่ไม่มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมายังเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาเห็นว่าคำร้องขอเลื่อนการสืบพยานของทนายคนใหม่ของจำเลยมีเหตุจำเป็นอันไม่อาจจะก้าวล่วงเสียได้ คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์สูง จำเลยให้การต่อสู้คดีและคดีมีประเด็นข้อพิพาทหลายข้อศาลชั้นต้นได้สืบพยานโจทก์จนหมดแล้ว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลชั้นต้นชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยได้เลื่อนการสืบพยานไปได้…”
พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานจำเลยจนสิ้นกระแสความ แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาล ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่.