แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยรับสารภาพได้ความว่าจำเลยมีเนื้อฝิ่นและมูลฝิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน เนื้อฝิ่นรัฐบาลจำหน่ายกรัมละ 4 บาท ส่วนมูลฝิ่นรัฐบาลจำหน่ายกรัมละเท่าใดไม่ได้ความดังนี้คงปรับจำเลยได้ 5 เท่าของราคาเนื้อฝิ่น ส่วนเกณฑ์ปรับฐานมีมูลฝิ่นต้องปรับอย่างสูง 50 บาทเท่านั้น เพราะโจทก์ไม่แจ้งราคามูลฝิ่น
(อ้างฎีกาที่ 1037/82, 914/87)
ย่อยาว
โจทก์ฟอ้งจำเลยรับสารภาพ ได้ความว่าจำเลยมีเนื้อมูลฝิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน เนื้อฝิ่นรัฐบาลจำหน่ายกรัมละ ๔ บาท มูลฝิ่นรัฐบาลจำหน่ายกรัมละเท่าใด ไม่ได้ความโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าเนื้อฝิ่นก็ต้องราคากรัมละ ๔ บาทเช่นกัน ทั้งนี้โดยอาศัยความในมาตรา ๖ พ.ร.บ. ฝิ่น (ฉะบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๘๑ พิพากษาปรับ ๕ เท่าของราคาเนื้อฝิ่นและมูลฝิ่น
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเมื่อโจทก์ไม่แจ้งราคามูลฝิ่นก็ต้องปรับเพียง ๕๐ บาทเป็นอย่างสูง จึงพิพากษาแก้เฉพาะโทษปรับมูลฝิ่นเป็น ๕๐ บาท ลดฐานรับสารภาพคงปรับ ๒๕ บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีแล้ว โจทก์ฎีกาว่า พ.ร.บ. ฝิ่น(ฉะบับที่ ๔) ๒๔๘๑ มาตรา ๖ วรรคสุดท้ายให้ถือราคามูลฝิ่นเท่ากับราคาเนื้อฝิ่น ฟ้องได้แจ้งราคาเนื้อฝิ่นลงไว้แล้วว่ากรัมละ ๔ บาท ราคามูลฝิ่นก็ต้องเป็นกรัมละ ๔ บาท คดีนี้ฐานมีมูลฝิ่นจำเลยถูกปรับเพียง ๕๐ บาท จึงคลาดเคลื่อนโจทก์ฎีกาดังนี้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยในข้อที่ว่ามาตรา ๖ วรรคท้ายให้ถือราคามูลฝิ่นเท่ากับราคาเนื้อฝิ่น มาตรา ๖ วรรคท้ายไม่มีข้อความเช่นที่โจทก์ฎีกามานั้นเลย ศาลอุทธรณ์ให้ปรับจำเลยชอบด้วยกฎหมายแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืน