คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยระบุในคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เพียงว่า หากจำเลยได้มีโอกาสยื่นคำให้การต่อสู้คดีแล้ว ย่อมทำให้ผลของคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไปเพราะความจริงแล้วจำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่ถึงจำนวนตามฟ้องของโจทก์ โดยจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องในส่วนใดอย่างไรทั้งไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นได้ชัดแจ้งว่าหากพิจารณาใหม่แล้วศาลอาจพิพากษาให้ผิดแผกแตกต่างจากที่ได้ พิพากษาไปแล้ว คำร้อง ของ จำเลยจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง การที่จะขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้จะต้องให้ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เสียก่อนเมื่อคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยขาดองค์ประกอบสำคัญที่ศาลจะพึงรับไว้ได้และศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องแล้วกรณีจึงไม่จำต้องสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องอีกต่อไป

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวน1,990,133.54 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปีของต้นเงิน 1,793,457.62 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,990,113.54 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปีของต้นเงิน 1,793,457.72 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2540 ว่า จำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยอ้างว่าไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง เนื่องจากจำเลยมิได้มีภูมิลำเนาตามฟ้องโจทก์เพราะได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นนานแล้ว หากจำเลยมีโอกาสต่อสู้คดีย่อมทำให้ผลคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงเพราะความจริงแล้วจำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่ถึงจำนวนตามฟ้อง และต่อมาวันที่ 30 พฤษภาคม 2540 จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ โดยเพิ่มข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้อง ของ จำเลยในวันที่ 5 มิถุนายน 2540 ว่าตามคำร้องมิได้คัดค้านคำพิพากษาของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ให้ยกคำร้องและสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในวันเดียวกันว่า ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่แล้ว จึงไม่จำต้องสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้อง ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลหรือไม่ เห็นว่า จำเลยระบุในคำร้องเพียงว่าหากจำเลยได้มีโอกาสยื่นคำให้การต่อสู้คดีแล้ว ย่อมทำให้ผลของคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไปเพราะความจริงแล้วจำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่ถึงจำนวนตามฟ้องของโจทก์โดยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องในส่วนใดอย่างไร ทั้งไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นได้ชัดแจ้งว่าหากพิจารณาใหม่แล้วศาลอาจพิพากษาให้ผิดแผกแตกต่างจากที่ได้พิพากษาไปแล้ว คำร้อง ของ จำเลยจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติ มาตรา 208 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ส่วนคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยนั้น เห็นว่า การที่จะขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องได้จะต้องให้ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เสียก่อนจึงจะพิจารณาสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องได้เมื่อคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยขาดองค์ประกอบสำคัญที่ศาลจะพึงรับไว้ได้และศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องแล้วกรณีจึงไม่จำต้องสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องอีกต่อไป
พิพากษายืน

Share