คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การริบทรัพย์สินเป็นการเอาทรัพย์สินที่ริบเป็นของแผ่นดินทรัพย์สินที่จะริบต้องมีตัวอยู่ ไม่ว่าได้ยึดเอามาเป็นของกลางแล้วหรืออยู่ที่อื่น แต่ถ้าทรัพย์สินที่จะริบไม่มีตัว เช่น ถูกทำลายหรือสูญหายไป จะสั่งริบไม่ได้ เพราะไม่อาจจะตกเป็นของแผ่นดินได้ ฉะนั้น ปืนของกลางที่จำเลยทิ้งน้ำ ไม่สามารถจะเอามาได้ ก็ต้องถือว่าสูญหายไม่มีตัว จึงสั่งริบไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยบังอาจมีปืนพก 1 กระบอก กระสุนปืนลูกกรด 1 นัด ซึ่งยังมิได้จดทะเบียนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แต่จำเลยนำปืนของกลางไปทิ้งในลำคลอง ค้นหาไม่พบ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ให้ปรับจำเลย 300 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับจำเลย 150 บาท ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยส่งปืนของกลางหรือใช้ราคา นั้น ให้ยกคำขอข้อนี้เสีย แต่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนายหนึ่งทำความเห็นแย้ง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การริบทรัพย์นั้นเป็นการเอาทรัพย์สินที่ริบเป็นของแผ่นดินดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 35 ฉะนั้นการที่จะสั่งริบทรัพย์สิน ๆ ที่จะริบต้องมีตัวอยู่ ไม่ว่าได้ยึดเอามาเป็นของกลางแล้วหรืออยู่ที่อื่น แต่ถ้าทรัพย์สินที่จะริบไม่มีตัว เช่น ถูกทำลายไป สูญหายไป หรือความมีอยู่ไม่ปรากฏเสียแล้วเช่นนี้ จะสั่งริบไม่ได้ เพราะไม่อาจจะตกเป็นของแผ่นดินได้เมื่อสั่งริบแล้ว วิธีการที่จะบังคับให้เป็นผลได้อย่างไร จึงเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 37 มิฉะนั้นก็จะเป็นว่าฝิ่นที่สูญไปแล้วก็ดี สุราเถื่อนที่กินไปแล้วก็ดี ก็สั่งริบและให้ใช้ราคาได้ในกรณีนี้อาวุธปืนทิ้งน้ำในลำคลอง ไม่สามารถจะเอามาได้ ก็ต้องถือว่าสูญหายไม่มีตัวเสียแล้ว จึงสั่งริบไม่ได้

พิพากษายืน

Share