คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1583/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีต้องห้ามอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง จำเลยอุทธรณ์เรื่องอาณาเขตที่ดินโจทก์ รัศมีถนนและบ้านจำเลยอยู่เขตทางหลวงเพียงใดและค่าเสียหายไม่ควรเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด ล้วนเป็นปัญหาข้อเท็จจริง การที่จะสั่งให้มีการทำแผนที่พิพาทใหม่หรือไม่ เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้นในการดำเนินกระบวนพิจารณา ที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้มีการทำแผนที่พิพาทใหม่ จึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยผู้เช่าและบริวารออกจากที่ดินโจทก์ตามโฉนดเลขที่ 36616 ให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 194 พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินกับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายคิดเป็นค่าเช่าจำนวน 467.74 บาท และอีกเดือนละ 50 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ซื้อห้องเลขที่ 194 จากนายไบ๊ ด้านหน้าของห้องเนื้อที่ประมาณ 10 ตารางวา ปลูกอยู่ในรัศมีถนนราชบุรี-เขางู อันเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ ส่วนด้านหลังเนื้อที่ประมาณ 11.37 ตารางวา ปลูกอยู่ในที่ดินของบิดาโจทก์ซึ่งนายไบ๊เช่าจากบิดาโจทก์ และจำเลยได้เช่าจากบิดาโจทก์หลังจากบิดาโจทก์ถึงแก่กรรมและที่ดินตกเป็นของโจทก์ สัญญาเช่าจึงมีผลผูกพันระหว่างโจทก์และจำเลยด้วย ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่พิพาทและเจ้าพนักงานที่ดินได้ทำแผนที่พิพาทตามที่โจทก์จำเลยนำชี้ โจทก์รับรองแผนที่พิพาทส่วนจำเลยไม่รับรอง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 194 ถนนเขางูตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ตามหมายเส้นสีเหลืองตามแผนที่พิพาทและให้ออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามโฉนดเลขที่ 36616 ตำบลหน้าเมืองอำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี และให้ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 200 บาท นับแต่วันที่ 1 มีนาคม 2531 เป็นต้นไปจนกว่าจะออกไปจากที่ดินดังกล่าว
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาท และฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อสัญญาเช่าซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคสอง และอุทธรณ์เรื่องอาณาเขตที่ดินโจทก์ รัศมีถนนและบ้านจำเลยอยู่เขตทางหลวงเพียงใด และค่าเสียหายไม่ควรเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดล้วนเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนอุทธรณ์เรื่องคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งตามคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 27 กันยายน 2531 ที่จำเลยอ้างว่าไม่ได้ทำคัดค้านการทำแผนที่พิพาทว่าไม่ถูกต้อง ขอให้ทำใหม่นั้น เรื่องนี้ศาลชั้นต้นได้สั่งในวันเดียวกันว่า”สำเนาให้โจทก์ รอไว้สั่งวันนัด” หลังจากนั้นศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อมาจนเสร็จสำนวนโดยมิได้มีคำสั่งคำร้องขอทำแผนที่พิพาทใหม่ของจำเลยดังกล่าวแต่ประการใด และจำเลยก็มิได้ทักท้วงขอให้ศาลมีคำสั่งคำร้องดังกล่าวจนศาลชั้นต้นได้พิพากษาคดีแล้ว การที่จะสั่งให้มีการทำแผนที่พิพาทใหม่หรือไม่เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้นในการดำเนินกระบวนพิจารณา การที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้มีการทำแผนที่พิพาทใหม่จึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยในข้อนี้จึงต้องห้ามฎีกาเช่นกัน ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share