คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1582/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ โดยมิได้รับอนุญาต เป็นความผิดที่ร่วมกระทำด้วยกันได้ จำเลยที่ 2 ร่วมกับคนร้าย 7-8 คนไปปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนติดตัวไป 6 กระบอก แม้จะฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีอาวุธปืนติดตัวไปด้วยก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 2 ร่วมกับคนร้ายอื่นไปปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าเจ้าทรัพย์โดยใช้ปืนยิง เสร็จแล้วหลบหนีไปด้วยกันแสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมกับคนร้ายอื่นมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,289, 340, 340 ตรี, 371, 80, 83, 90, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคสอง จำเลยที่ 2มีความผิดตามฟ้อง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7) ประกอบมาตรา 80 และ 52 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2ฐานมีและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้ศาลล่างพิพากษาต้องกันมาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(7), 80 และฐานปล้นทรัพย์ตามมาตรา 340 วรรคสี่,340 ตรี จำเลยที่ 2 ไม่ฎีกา ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกพยายามฆ่าและปล้นทรัพย์ผู้เสียหายจริง คงมีปัญหามาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตตามที่โจทก์ฟ้องและขอให้ลงโทษด้วยหรือไม่ เห็นว่า เกี่ยวกับคดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความตามพยานหลักฐานของโจทก์ว่าคนร้ายที่ไปปล้นทรัพย์ผู้เสียหายมี 7-8 คนต่างมีอาวุธปืนพกสั้นและยาว 2 กระบอกติดตัวไป แม้พยานโจทก์ที่นำสืบมาฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีอาวุธปืนติดตัวไปด้วยก็ตามแต่การที่จำเลยที่ 2 ร่วมกับคนร้ายอื่นไปปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าโดยใช้อาวุธปืนยิง เสร็จแล้วต่างก็หลบหนีไปด้วยกัน แสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมกับคนร้ายอื่นมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนปัญหาที่ว่าจำเลยที่ 2จะมีความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่นั้นศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นความผิดที่ร่วมกันกระทำด้วยกันได้ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 2ได้ร่วมกับคนร้ายอื่นซึ่งมีอาวุธปืนไปทำการปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าโดยใช้อาวุธปืนยิงแสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมกับพวกดังกล่าวพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย อันเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคแรก, 72 วรรคแรก, 72 ทวิวรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ลงโทษฐานร่วมกันมีอาวุธปืนฯจำคุก 2 ปี และลงโทษฐานพาอาวุธปืนฯ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 1 ปี เมื่อรวมกับโทษฐานพยายามฆ่าเจ้าทรัพย์ตามคำพิพากษาอุทธรณ์แล้ว เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 40 ปี 6 เดือนนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share