คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1581/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก่อนจับกุมจำเลย พนักงานสอบสวนได้เรียกจำเลยมาสอบสวนในฐานะพยานและทำบันทึกคำให้การไว้ ซึ่งตามบันทึกคำให้การดังกล่าวก็ระบุว่าเป็นคำให้การของจำเลยในฐานะเป็นพยานมิใช่ในฐานะผู้ต้องหา ไม่มีข้อความที่แสดงว่าได้บอกให้ผู้ต้องหาทราบก่อนว่าถ้อยคำที่ผู้ต้องหากล่าวนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันตนในการพิจารณาได้ตามที่ประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความอาญา มาตรา 134 บัญญัติไว้ เช่นนี้ จะถือว่าเป็นบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาไม่ได้ เมื่อโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานหรือพยานแวดล้อมให้ฟังว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ลำพังบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งให้การไว้ในฐานะพยานมิใช่ในฐานะผู้ต้องหายังฟังลงโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์เงินสด ๕,๖๐๐ บาทของนายสมชาย ชมยินดี ไปโดยจำเลยมีและใช้อาวุธปืนยิงขู่เข็ญกับใช้อาวุธมีดฟันและแทงประทุษร้ายร่างกายนายสมชายถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า แล้วจำเลยกับพวกร่วมกันซ่อนเร้นย้ายศพของนายสมชายโดยนำไปซ่อนไว้ในหลุมลึกเพื่อปิดบังการตายและเหตุแห่งการตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๙๙, ๒๘๘, ๒๘๙, ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี, ๘๓ ริบของกลาง กับให้จำเลยคืนหรือชดใช้เงิน ๕,๖๐๐ บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๙๙, ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี เรียงกระทงลงโทษ แต่รวมแล้วให้ประหารชีวิตคำให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม ให้จำคุกตลอดชีวิต ให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน ๕,๖๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง ส่วนนอกนั้นไม่ริบ ข้อหาอื่นให้ยกเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ปลอกกระสุนปืนของกลางให้ริบ ส่วนมีดของกลางฟังไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด จึงไม่ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นขณะที่คนร้ายฆ่าผู้ตาย ได้ความจากพันตำรวจตรีเชิดสกุล บุญส่งศรี พนักงานสอบสวนว่าเมื่อสรุปผลการสอบสวนได้ความว่า สาเหตุการตายของผู้ตายเกิดจากนายติ๋มหรือชัชวาลย์ วงษ์ก้อม นายลำดวน สีบาง จำเลย นายนายหรือสมัย ราชกิจ และนายทองล้วน สีบาง พร้อมทั้งผู้ตายได้ร่วมดื่มสุรากันอยู่ ผู้ตายพูดถึงเรื่องเตรียมเงินมาเพื่อซื้อกระบือ จำเลยกับพวกต้องการเงินของผู้ตายและต้องการฆ่าผู้ตายเพื่อเป็นการปิดปาก พิจารณาคำเบิกความของนายคำที่ว่าเห็นจำเลยกับนายทองล้วนน้อยชายจำเลยช่วยกันหามศพผู้ตายมาทิ้ง ถ้าเป็นความจริงก็นับว่าเป็นพยานแวดล้อมที่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ แต่ปรากฏจากคำเบิกความของนางบันเย็นภริยาผู้ตายว่า ขณะที่นายคำไปบอกตนเรื่องผู้ตายถูกฆ่าตายนั้น นายคำบอกแต่เพียงว่าผู้ตายถูกคนร้ายฆ่าตาย ไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนร้าย ทั้งได้ความจากพันตำรวจตรีเชิดสกุล พนักงานสอบสวนว่าในขณะที่ไปชันสูตรพลิกศพผู้ตาย ไม่มีใครเล่าเรื่องเกี่ยวกับการตายของผู้ตายให้ฟังนอกจากนางบันเย็น นายคำว่าตนได้ไปอยู่ขณะที่พนักงานสอบสวนมาชันสูตรพลิกศพด้วย ถ้านายคำเห็นจำเลยกับน้องชายหามศพผู้ตายมาทิ้งจริงก็น่าจะได้เล่าเรื่องดังกล่าวให้นางบันเย็นและพันตำรวจตรีเชิดสกุลฟัง เพราะคนที่หามศพมานั้นน่าจะต้องเกี่ยวข้องกับการตายของผู้ตายแน่ เมื่อนายคำมิได้ระบุชื่อจำเลยกับน้องชายว่าเป็นคนหามศพผู้ตายให้บุคคลทั้งสองฟังเช่นนี้ จึงฟังไม่ได้ว่านายคำได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวจริง ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนนั้น ได้ความจากคำเบิกความของพันตำรวจตรีเชิดสกุลว่า ก่อนจับกุมจำเลย ได้เรียกจำเลยมาสอบสวนในฐานะพยานและทำบันทึกคำให้การไว้ตามเอกสารหมาย จ.๒๓ ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ และตามบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ.๒๓ นั้น ก็ระบุว่าเป็นคำให้การของจำเลยในฐานะเป็นพยาน มิใช่ในฐานะผู้ต้องหาจึงไม่มีข้อความตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ กล่าวคือข้อความที่แสดงว่าได้บอกให้ผู้ต้องหาทราบก่อนว่าถ้อยคำที่ผู้ต้องหากล่าวนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันตนในการพิจารณาได้เมื่อผู้ต้องหาเต็มใจให้การอย่างใด ก็ให้จดคำให้การไว้ ถ้าผู้ต้องหาไม่เต็มใจให้การก็ให้บันทึกไว้ ดังนั้นจะถือว่าบันทึกคำให้การดังกล่าวเป็นบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาไม่ได้ อีกทั้งข้อความในบันทึกคำให้การเพิ่มเติมนั้นก็มีแต่เพียงว่าขณะที่ผู้ตายร่วมดื่มสุราอยู่กับจำเลยและคนอื่น ๆ อีกหลายคน ระหว่างที่ผู้ตายลุกไปซื้อสุรานั้น นายติ๋ม (ชัชวาลย์) วงษ์ก้อม และนายไนซ์ ไม่ทราบนามสกุล คิดอยากจะได้เงินจากผู้ตายนายติ๋มบอกจำเลยว่าตนกับนายไนซ์จะไปดักซุ่มอยู่ระหว่างทาง โดยให้จำเลยบอกผู้ตายให้กลับบ้านทางหมู่บ้านหนองแวงนางเป้า เมื่อนายติ๋มและนายไนซ์ออกจากบ้านจำเลยไปแล้ว ต่อมาผู้ตายจะกลับบ้าน จำเลยพาไปส่งกลางทางซึ่งเป็นเส้นทางที่จะไปยังจุดนัดหมายตามที่ตกลงกับบุคคลทั้งสองไว้ เมื่อจำเลยไปส่งผู้ตายระหว่างทางแล้วจำเลยก็กลับ มาทราบว่าผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา เพียงเท่านี้ไม่พอฟังว่าจำเลยให้การรับว่าได้ร่วมกระทำความผิด คดีนี้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นหรือพยานแวดล้อมให้ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้อง ลำพังแต่บันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งให้การไว้ในฐานะพยาน มิใช่ในฐานะผู้ต้องหายังฟังลงโทษจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน

Share