คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1581/2530

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

โจทก์ไม่มีพยานผู้ใดรู้เห็นเลยว่า จำเลยได้ทำการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษให้กับสายลับผู้ไปล่อซื้อ คงมีแต่คำกล่าวอ้างของพยานโจทก์ทั้งสามปากผู้ทำการจับกุมจำเลย ลำพังแต่ธนบัตรซึ่งพยานโจทก์อ้างว่าทำเครื่องหมายกำกับไว้และค้นได้จากตัวจำเลย ก็ยังไม่เพียงพอที่จะฟังเป็นหลักฐานให้เชื่อได้โดยปราศจากสงสัยว่า เป็นเงินที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเฮโรอีน.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้จำหน่ายเฮโรอีนให้แก่บุคคลอื่นเป็นเงิน100 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมธนบัตรของกลาง 1 ฉบับ ของเจ้าพนักงานที่ได้มอบให้ผู้อื่นไปล่อซื้อยาเสพติดให้โทษและยึดได้เฮโรอีนจำนวน 1 หลอด ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง วางโทษจำคุก 5 ปีจำเลยให้การเป็นประโยชน์ในชั้นพิจารณาลดโทษให้ 1 ใน 5 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี ริบของกลาง ธนบัตรคืนเจ้าของจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีนี้โจทก์ไม่มีพยานผู้ใดรู้เห็นเลยว่าจำเลยได้ทำการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษให้กับสายลับผู้ไปล่อซื้อ คงมีแต่คำกล่าวอ้างของพยานโจทก์ทั้งสามปากผู้ทำการจับกุมจำเลย คือร้อยตำรวจโทมานิตย์ เขียวขำ ร้อยตำรวจตรีเดโช จุลแก้วและจ่าสิบตำรวจโชติ พลภักดี ที่ว่าได้รับแจ้งจากสายลับว่าได้ซื้อเฮโรอีนมาจากจำเลย และปรากฏว่าของกลางดังกล่าวสายลับเพิ่งจะนำมามอบให้พยานที่สถานีตำรวจ ดังนั้น ความจริงสายลับจะได้ซื้อเฮโรอีนจากจำเลยหรือไม่ พยานโจทก์ทั้งสามก็ไม่อาจยืนยันได้ และของกลางที่สายลับมอบให้กับพยานก็ไม่เป็นการแน่นอนว่าจะเป็นยาเสพติดให้โทษที่สายลับซื้อมาจากจำเลย ลำพังแต่ธนบัตรซึ่งพยานโจทก์อ้างว่าทำเครื่องหมายกำกับไว้และค้นได้จากตัวจำเลย แม้จะเป็นเช่นนั้นจริงก็ยังไม่เพียงพอที่จะฟังเป็นหลักฐานให้เชื่อได้โดยปราศจากสงสัยว่าเป็นเงินที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเฮโรอีนให้กับสายลับของเจ้าหน้าที่ พยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวจึงไม่มั่นคงพอที่จะฟังลงโทษจำเลย คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน แต่ให้ริบเฮโรอีนของกลาง ส่วนธนบัตรของกลางคืนเจ้าของ”.

Share