คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1577/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เป็นสามีภริยากันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายศาลพิพากษาให้แบ่งทรัพย์กัน แล้วเจ้าหนี้ของสามีฟ้องสามียึดทรัพย์ที่จะแบ่งมาขายทอดตลาด ดังนี้สามีจะขอสืบพยานในคดี (ที่ถูกยึดทรัพย์) ว่าเป็นหนี้ร่วม เพื่อให้เจ้าหนี้เอาชำระจากทรัพย์สินส่วนของภริยาไม่ได้

ย่อยาว

ผู้ร้องเป็นภริยาจำเลยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ได้ฟ้องขอแบ่งทรัพย์จากจำเลย ศาลพิพากษาให้แบ่งทรัพย์คนละครึ่ง คดีถึงที่สุดแล้ว นอกจากนั้นจำเลยถูกเจ้าหนี้ฟ้องอีกหลายรายและจำเลยยอมความรับใช้หนี้ แต่มิได้ใช้ให้ตามกำหนดโจทก์ในคดีนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้หนึ่งจึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยซึ่งจะต้องแบ่งกับผู้ร้องขายทอดตลาด เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่น ๆ ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์และผู้ร้องได้ร้องขอให้กันเงินที่ขายทอดตลาดได้นั้นเป็นของผู้ร้องครึ่งหนึ่ง โจทก์จำเลยและผู้ร้องขอเฉลี่ยคัดค้านว่า ไม่ควรกันเงินให้ผู้ร้องเพราะจำเลยก่อหนี้ขึ้นในระหว่างที่อยู่กินฉันสามีภริยากับผู้ร้อง ต้องร่วมกันรับผิดใช้หนี้ผู้ร้องแถลงแก้ว่า ผู้ร้องไม่รู้เห็นในหนี้ที่ก่อขึ้น และจะเป็นหนี้กันจริงหรือไม่ก็ไม่ทราบ

ศาลจังหวัดศรีสะเกษมีคำสั่งว่า โดยผลของคำพิพากษา ผู้ร้องมีสิทธิในทรัพย์รายนี้ครึ่งหนึ่ง การที่ผู้ร้องจะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือเจ้าหนี้อื่นของจำเลยแค่ไหนเพียงใดนั้น ชอบที่โจทก์หรือเจ้าหนี้อื่นจะไปดำเนินคดีต่อผู้ร้องเป็นอีกโสดหนึ่งต่างหากขณะนี้ผู้ร้องยังไม่อยู่ในฐานะเป็นลูกหนี้ของผู้ใด ฉะนั้น จะคัดค้านไม่ให้ผู้ร้องได้รับส่วนของตนนั้นไม่ได้

จำเลยผู้เดียวอุทธรณ์ขอให้ยกคำสั่ง และขอให้สั่งศาลชั้นต้นสืบพยานในข้อที่ว่า ก่อหนี้ขึ้นในระหว่างอยู่ด้วยกันฉันสามีภริยา

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เรื่องที่จำเลยขอสืบพยานเป็นคนละเรื่องกับที่ถกเถียงกัน ทั้งศาลชั้นต้นก็ไม่ได้มีคำสั่งสำหรับประเด็นที่อุทธรณ์ขึ้นมา รับวินิจฉัยให้ไม่ได้จึงพิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยกับผู้ร้องไม่ได้เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีทางที่จำเลยจะนำสืบไปในรูปสามีภริยากันตามที่ตั้งประเด็นขึ้นนั้นได้และต้องถือว่าผู้ร้องไม่ได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์รายใดเลยจำเลยจะให้เอาทรัพย์อันเป็นสิทธิส่วนของผู้ร้องไปชำระหนี้ร่วมกับจำเลยด้วยย่อมไม่ได้จึงพิพากษายืน

Share