คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1570/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานเบิกความเท็จ ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องศาลสั่งให้รอฟังผลคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อคดีนั้นถึงที่สุดให้โจทก์หรือจำเลยแถลงต่อศาลต่อมาศาลมีหมายนัดให้คู่ความมาพร้อมกันเพื่อสอบถามเรื่องผลของคดีแพ่งดังกล่าวเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ครั้นถึงวันนัดพร้อม โจทก์ไม่มาศาลดังนี้ ศาลก็ไม่อาจยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 เพราะไม่ใช่เป็นการนัดไต่สวนหรือพิจารณาอย่างใดและเมื่อศาลสั่งยกฟ้องไป แล้วความปรากฏว่า ที่โจทก์ไม่มาศาลเพราะส่งหมายนัดให้โจทก์ไม่ได้ ดังนี้ ศาลจะยกฟ้องตามมาตรา 166 วรรคหนึ่ง ไม่ได้อีกด้วย และกรณีเช่นนี้จะนำมาตรา 166 วรรคสอง มาใช้บังคับหาได้ไม่ เพราะเมื่อโจทก์ไม่ได้ทราบกำหนดนัดของศาลเสียแล้วก็ไม่มีเหตุสมควรอันใดที่โจทก์จะยกขึ้นแถลงต่อศาลได้ว่า ทำไมจึงมาศาลไม่ได้ โจทก์จึงไม่จำต้องร้องขอให้ศาลยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ ตามมาตรา 166 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันเบิกความเท็จซึ่งเป็นข้อสำคัญในคดีขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177, 83

วันนัดไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีนี้มีข้อเท็จจริงเกี่ยวพันกับคดีของศาลแพ่งเรื่องหนึ่งซึ่งอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จึงให้เลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องไป รอฟังผลคดีแพ่งดังกล่าวคดีถึงที่สุด ให้โจทก์หรือจำเลยแถลงต่อศาล

ต่อมาศาลชั้นต้นออกหมายนัดถึงโจทก์จำเลย นัดพร้อมกัน ถึงวันนัดจำเลยมาศาล โจทก์ไม่มาศาล จำเลยแถลงว่าโจทก์ดำเนินคดีแบบประวิงความ ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่มาศาลตามนัด จึงให้ยกฟ้องโจทก์เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166

ในวันที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ยกฟ้องโจทก์นั้น ศาลชั้นต้นได้รับหนังสือแจ้งว่าส่งหมายนัดให้โจทก์ไม่ได้

ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีแพ่งดังกล่าวแล้ว ขอให้ไต่สวนมูลฟ้องต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งว่าศาลพิพากษายกฟ้องคดีนี้แล้ว ให้ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์คำสั่งว่า โจทก์ไม่ทราบหมายนัด ศาลชั้นต้นจะถือว่าโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งยกฟ้องโจทก์ไม่ชอบขอให้สั่งศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องของโจทก์ต่อไป

ศาลอุทธรณ์พิจารณาเห็นว่า เมื่อโจทก์ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นว่าให้ยกฟ้องโจทก์แล้ว โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่งนั้น การที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยยังมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรค 2 โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่ได้ พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้รับทราบหมายนัดของศาลชั้นต้นให้โจทก์มาศาล ศาลชั้นต้นจะนำเอาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 มาเป็นเหตุยกฟ้องโจทก์ไม่ชอบ โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์ได้ขอให้พิพากษากลับ สั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องของโจทก์ต่อไป

ศาลฎีกาเห็นว่า คำว่า “โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัด” นั้นโจทก์ต้องทราบกำหนดนัดแล้วไม่มาตามนัด จึงจะถือได้ว่าโจทก์ไม่มาตามกำหนดนัดและให้ศาลยกฟ้องเสีย แต่คดีนี้ส่งหมายนัดให้โจทก์ไม่ได้ ฉะนั้น การที่โจทก์ไม่มาศาลในวันนัด จะถือว่าโจทก์ไม่มาตามกำหนดนัดให้ศาลยกฟ้องเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 วรรค 1 ไม่ได้ และตามมาตรา 166 วรรค 2 ที่กำหนดให้โจทก์มาร้องภายใน 15 วันนับแต่วันศาลยกฟ้องนั้นโดยแสดงให้ศาลเห็นได้ว่ามีเหตุสมควรจึงมาไม่ได้ ก้เป็นกรณีต่อเนื่องจากวรรคต้น คือโจทก์ต้องทราบกำหนดนัดเสียก่อนแล้วไม่มาตามกำหนด ถ้าจะมาร้องขอให้ศาลยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้อง ก็ต้องแสดงเหตุสมควรที่มาศาลไม่ได้ตามกำหนดนัดให้ศาลทราบ แต่สำหรับคดีนี้โจทก์ไม่ได้ทราบกำหนดนัดของศาล จึงไม่มีเหตุสมควรอันใดที่โจทก์จะยกขึ้นแถลงต่อศาลได้ว่าทำไมจึงมาศาลไม่ได้ เช่นนั้นโจทก์ก็หาจำต้องยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรค 2 ก่อนไม่โจทก์ย่อมอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นได้ทันที อนึ่ง การที่ศาลนัดให้โจทก์จำเลยมาพร้อมกันก็เพื่อจะสอบถามเรื่องผลของคดีแพ่งที่ให้รอฟังอยู่นั้น เพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป หาใช่เป็นการนัดไต่สวนหรือพิจารณาอย่างใดไม่ แม้โจทก์ไม่มาศาลตามนัดศาลก็ไม่อาจยกฟ้องตามมาตรา 166 ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ เมื่อศาลชั้นต้นปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ก็เป็นการจำเป็นที่จะแก้ไขเสียให้ถูกต้อง

อาศัยอำนาจตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 208 (2) และมาตรา 225 ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้องโจทก์ ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องของโจทก์ต่อไป แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share