แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ลูกจ้างได้อุทธรณ์คำสั่งของนายจ้างที่ลงโทษ ให้ออกจนเป็นผลให้มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมจากให้ ออกเป็นลดขั้นเงินเดือน 4 ขั้น ถือว่าการลงโทษทาง วินัยดังกล่าวเป็นที่สุดโดยลูกจ้างและนายจ้างต่างพอใจ ในการลงโทษไปแล้วแม้ต่อมานายจ้างจะได้ร้องทุกข์ กล่าวหาลูกจ้างในการกระทำครั้งเดียวกัน ความผิดทางวินัยเป็นมูลความผิดทางอาญาอีก และศาลอาญามีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า ลูกจ้างได้กระทำผิด ตามข้อหาก็ตาม ก็เป็นความรับผิดทางอาญาของลูกจ้าง เป็นอีกส่วนหนึ่งซึ่งแยกพิจารณาจากความผิดทางวินัย ของลูกจ้างได้ เมื่อผลคดีอาญาไม่ทำให้ลูกจ้างไม่มีคุณสมบัติการเป็นพนักงานของนายจ้าง นายจ้างก็จะนำเอาการกระทำอันเดียวกันซึ่งลูกจ้างถูกลงโทษทางวินัยไปแล้วและเป็นเหตุซ้ำซ้อนเหตุเดียวกันมาเป็นเหตุเลิกจ้างลูกจ้างอีกไม่ได้ ศาลแรงงานพิพากษา ให้นายจ้างรับลูกจ้างนั้นเข้าทำงานต่อไปได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลงโทษทางวินัยด้วยการเลิกจ้างโจทก์ในมูลความผิดเดียวกันซ้ำสอง เป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิมหากไม่สามารถรับกลับเข้าทำงานได้ ให้ชำระค่าเสียหายให้โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์มีความผิดตามระเบียบข้อบังคับจำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นธรรมแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าที่ได้รับในขณะเลิกจ้างในอัตราเงินเดือนเดือนละ 8,200 บาทและชำระค่าจ้างหรือเงินเดือนค้างจ่ายจำนวน 1,474 บาท แก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางรับฟังมาสรุปได้ว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยได้กระทำความผิดในหน้าที่โดยแก้ไขเพิ่มเติมใบเสนอราคาขายอันเป็นความผิดทางวินัย ฝ่าฝืนข้อบังคับองค์การแบตเตอรี่ว่าด้วยการพนักงาน พ.ศ. 2522 เอกสารหมาย จ.6 จำเลยจึงมีคำสั่งให้ออกโดยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2532โจทก์อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อประธานกรรมการของจำเลย ซึ่งมีคำสั่งให้เปลี่ยนแปลงการลงโทษจากให้ออกเป็นลงโทษลดขั้นเงินเดือน4 ขั้น และให้กลับเข้าทำงานใหม่เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2532 ต่อมาโจทก์ถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาความผิดเกี่ยวกับเอกสารที่สืบเนื่องมาจากการแก้ไขเพิ่มเติมใบเสนอราคาขายที่เป็นมูลเหตุให้ถูกลงโทษทางวินัย จำเลยได้มีคำสั่งพักงานโจทก์เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2532 หลังจากนั้นศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุกโจทก์ 4 เดือน ปรับ 1,000 บาท โทษจำให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี คดีถึงที่สุดโจทก์จึงขอกลับเข้าทำงาน แต่จำเลยมีคำสั่งที่ 172/2534 ไม่รับโจทก์กลับเข้าทำงาน และงดจ่ายเงินค่าจ้างระหว่างพักงาน ซึ่งศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าจำเลยนำเอามูลคดีที่จำเลยลงโทษทางวินัยซึ่งยุติไปแล้วมาลงโทษทางวินัยโจทก์ซ้ำอีกคำสั่งที่ 172/2534 จึงเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์เป็นผู้ต้องคำพิพากษาของศาลอาญาว่าได้กระทำความผิดและไม่เป็นที่ไว้วางใจของนายจ้าง จำเลยมีสิทธิเลิกจ้างได้ทั้งการออกคำสั่งของจำเลยที่ออกคำสั่งหลายครั้งเป็นการออกคำสั่งเกี่ยวกับพฤติการณ์ของโจทก์เป็นช่วง ๆตามระเบียบปฏิบัติและตามข้อบังคับว่าด้วยการพนักงานของจำเลยพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ลุกจ้างของจำเลยอาจถูกลงโทษทางวินัยได้ตามข้อบังคับขององค์การแบตเตอรี่ว่าด้วยการพนักงานพ.ศ. 2522 ซึ่งมีโทษไล่ออก ปลดออก ให้ออก หรือเลิกจ้างลดขั้นเงินเดือน ตัดเงินเดือน และภาคทัณฑ์ รวม 6 สถานตามข้อ 40 ของข้อบังคับว่าด้วยการพนักงานของจำเลยที่อ้างถึงการถูกลงโทษทางวินัยดังกล่าวลูกจ้างอาจอุทธรณ์คำสั่งลงโทษต่อผู้บังคับบัญชาของตนได้ ซึ่งผู้บังคับบัญชามีอำนาจเปลี่ยนแปลงคำสั่งโดยอาศัยอำนาจตามข้อ 55 ของข้อบังคับได้ เมื่อกล่าวโดยเฉพาะในกรณีของโจทก์จะเห็นว่า โจทก์ได้อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่เลิกจ้างโจทก์ต่อผู้บังคับบัญชาแล้ว เป็นผลให้มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมจากให้ออกเป็นลดขั้นเงินเดือน 4 ขั้น จึงถือได้ว่าการลงโทษทางวินัยในข้อหาที่เป็นการกระทำผิดแก้ไขเพิ่มเติมใบเสนอราคาขายเป็นที่สุดโดยโจทก์และจำเลยต่างพอใจในการลงโทษไปแล้วแม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏต่อมาว่าจำเลยได้ร้องทุกข์กล่าวหาโจทก์ในการกระทำครั้งเดียวกับความผิดทางวินัยเป็นมูลความผิดทางอาญาอีก และศาลอาญามีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า โจทก์ได้กระทำผิดตามข้อหาก็ตามก็เป็นความรับผิดทางอาญาของโจทก์เป็นอีกส่วนหนึ่งซึ่งแยกพิจารณาจากความผิดทางวินัยของโจทก์ได้ เมื่อผลของคดีอาญาไม่ทำให้โจทก์ไม่มีคุณสมบัติการเป็นพนักงานของจำเลยต่อไปจำเลยก็จะนำเอาการกระทำอันเดียวกันซึ่งโจทก์ถูกลงโทษทางวินัยไปแล้วและเป็นเหตุซ้ำซ้อนเหตุเดียวกันมาเป็นเหตุเลิกจ้างโจทก์อีกไม่ได้ ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีและพิพากษาให้รับโจทก์เข้าทำงานชอบแล้ว
พิพากษายืน