แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2503 ภาค 2 หมวด 10 ตอนที่48 ว่าด้วยกระดาษและกระดาษแข็ง ของที่ทำด้วยเยื่อกระดาษ ทำด้วยกระดาษหรือกระดาษแข็ง ได้มีหมายเหตุไว้ในข้อ 1 (จ) ใจความว่า ตอนนี้ไม่คลุมถึงของที่ทำด้วยวัตถุจำพวกพลาสติกหรือไฟเบอร์แข็ง ตามพิกัดอัตราประเภทที่ 39.07 เมื่อปรากฏว่าสินค้ารายพิพาทมีส่วนประกอบของพลาสติกเกินกว่าร้อยละ 50 การที่จำเลยจัดให้สินค้ารายพิพาทของโจทก์อยู่ในพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ 39.07 จึงเป็นไปตามหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรสำหรับของที่ประกอบด้วยวัตถุหรือสารตั้งแต่สองชนิดขึ้นไปตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2503 ภาค 1 ข้อ 2 วรรคท้าย ประกอบด้วยข้อ 3(ข) สินค้ารายพิพาทจึงเป็นสินค้าประเภทแผ่นพลาสติก อันจะต้องเสียอากรขาเข้าในพิกัดอัตราประเภทที่ 39.07 อัตราร้อยละ 60 มิใช่กระดาษแข็งสำหรับใช้ในการก่อสร้าง ตามพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ 48.09
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เดิมโจทก์สั่งสินค้าจำพวกกระดาษอัดให้ติดกันด้วยซินเทติคเรซิน อาบหน้าด้วยพลาสติกจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่าย ซึ่งโจทก์เสียอากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาลตามพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ ๔๘.๐๙ อัตราร้อยละ ๓๐ ของราคาสินค้าประเทศต้นทางมาโดยตลอด ครั้นระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ถึง พ.ศ. ๒๕๑๘ โจทก์ได้สั่งสินค้าดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรตามใบขนสินค้าขาเข้า และแบบแสดงรายการการค้ารวม ๑๘ ฉบับ โดยโจทก์ได้สำแดงรายการสินค้า และเสียอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทและอัตราดังเช่นที่เคยปฏิบัติ แต่จำเลยสั่งให้โจทก์นำเงินหรือหลักทรัพย์วางประกันการชำระภาษีอากรเพิ่มตามพิกัดอัตราอากรขาเข้า ประเภทที่ ๓๙.๐๗ อัตราร้อยละ ๖๐ ของราคาสินค้าประเทศต้นทาง โจทก์ได้วางประกันแล้ว ต่อมาเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยได้ทำการประเมินเรียกเก็บอากรขาเข้า ภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาล เพิ่มขึ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๔๓๗,๑๙๖.๘๕ บาท โดยจำเลยได้ประเมินเรียกเก็บภาษีตามพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ ๓๙.๐๗ อัตราร้อยละ ๖๐ ของราคาสินค้าประเทศต้นทางซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะสินค้าดังกล่าวจะต้องเสียภาษีตามพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ ๔๘.๐๙ อัตราร้อยละ ๓๐ ของราคาสินค้าประเทศต้นทางดังที่เคยใช้อยู่ตลอดมา ทั้งเจ้าพนักงานชันสูตรของจำเลยก็เคยยืนยันถึงการสำแดงรายการสินค้า การชำระอากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาลของสินค้าประเภท และชนิดเดียวกันกับสินค้ารายดังกล่าวนี้ว่าเป็นไปโดยถูกต้อง ขอให้บังคับให้จำเลยคืนเงินที่จำเลยเรียกเก็บโดยมิชอบจำนวน ๒,๔๓๗,๑๙๖.๘๕ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์จะเคยสั่งสินค้ากระดาษอัดให้ติดกันด้วยซินเทติคเรซิน จากต่างประเทศโดยเสียอากรขาเข้า ภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาล ตามพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ ๔๘.๐๙ หรือไม่ ไม่ทราบและไม่รับรอง และหากเป็นจริงก็เกิดจากการประเมินอากรที่ผิดพลาดของเจ้าพนักงานจำเลย การที่เจ้าพนักงานของจำเลยประเมินให้โจทก์เสียอากรตามพิกัดอัตราอากรขาเข้าและภาษีการค้ารวม ๑๘ ฉบับ เป็นการถูกต้องชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนที่ทางราชการวางไว้แล้ว โจทก์เคยนำเข้าสินค้าชนิดนี้จำเลยก็ถือปฏิบัติเก็บภาษีในพิกัดและอัตราดังกล่าว อธิบดีกรมศุลกากรเคยตีความและออกประกาศแจ้งอัตราอากรว่า ของที่ประกอบหรือผสมขึ้นด้วยวัตถุตามที่ระบุไว้ในพิกัดอัตราอากรขาเข้า ตอนที่ ๓๙ กับวัตถุประเภทกระดาษ เยื่อกระดาษ เยื่อไม้ และใยพืชต่าง ๆ ให้เห็นโดยชัดแจ้ง ให้จัดเข้าพิกัดอัตราอากรขาเข้า ภาค ๒ ตอนที่ ๓๙ ตามประเภทต่าง ๆ ที่ว่าด้วยชนิดของวัตถุและลักษณะของของนั้น สินค้าที่โจทก์สั่งเข้ามาเป็นจำพวกพลาสติกที่ได้จากกรรมวิธีทางเคมี โดยทำด้วยเยื่อกระดาษอัดด้วยเมลามีน และเฟโนลิคเรซิน ทำให้สภาพของของแข็งแกร่งมาก ไม่ปรากฏสภาพเดิมของกระดาษ ต้องจัดเข้าพิกัดอัตราอากรขาเข้า ประเภทที่ ๓๙.๐๗ อัตราร้อยละ ๖๐ โจทก์มิได้อุทธรณ์การประเมินตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ และไม่อุทธรณ์คัดค้านการประเมินตามประมวลรัษฎากร ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าสินค้ารายพิพาทมีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า พลาสติก ลามิเนต เดคคอเรตีฟ ชีท ก่อนโจทก์นำสินค้ารายพิพาทเข้ามา จำเลยได้ประกาศให้สินค้าที่มีลักษณะเป็นแผ่นพลาสติก ซึ่งเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า พลาสติก ลามิเนต เดคคอเรตีฟ ชีท อยู่ในพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ ๓๙.๐๗และเมื่อปรากฏว่าสินค้ารายพิพาทมีส่วนประกอบของพลาสติกเกินกว่าร้อยละ ๕๐สินค้าดังกล่าวจึงไม่ใช่กระดาษแต่เป็นพลาสติก แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยจัดให้สินค้ารายพิพาทของโจทก์อยู่ในพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ ๓๙.๐๗ เป็นไปตามหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรสำหรับของที่ประกอบด้วยวัตถุหรือสารตั้งแต่หนึ่งชนิดขึ้นไปตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๐๓ ภาค ๑ ข้อ ๒ วรรคท้าย ประกอบด้วย ข้อ ๓(ข) และตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๐๓ ภาค ๒ หมวด ๑๐ ตอนที่ ๔๘ ว่าด้วยกระดาษและกระดาษแข็ง ของที่ทำด้วยเยื่อกระดาษ ทำด้วยกระดาษหรือกระดาษแข็ง ได้มีหมายเหตุไว้ใน ข้อ ๑(จ) ใจความว่า ตอนนี้ไม่คลุมถึงของที่ทำด้วยวัตถุจำพวกพลาสติกหรือไฟเบอร์แข็งตามพิกัดอัตราประเภทที่ ๓๙.๐๗ สินค้ารายพิพาทของโจทก์จึงเป็นสินค้าประเภทแผ่นพลาสติกอันจะต้องเสียอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่ ๓๙.๐๗ อัตราร้อยละ ๖๐ หาใช่เป็นกระดาษแข็งสำหรับใช้ในการก่อสร้างตามพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ ๔๘.๐๙ การที่จำเลยอ้างถึงคำวินิจฉัยพิกัดอัตราที่ ๒๓๘/๒๕๑๘ ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๑๘ ภายหลังการนำเข้าซึ่งสินค้ารายพิพาทของโจทก์ แม้การอ้างดังกล่าวจะเป็นการไม่ถูกต้องเพราะประกาศดังกล่าว ประกาศใช้ภายหลังการนำเข้าซึ่งสินค้ารายพิพาทของโจทก์ก็ไม่ทำให้การประเมินโดยถูกต้องมาแล้วกลายเป็นไม่ถูกต้อง
พิพากษายืน